สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ศิลปินประชาชน

            บทความจาก นสพ.มหาชน จันทบุรี ที่นำมาฝากกัน

ภาพพระคู่ฟ้าคู่แผ่นดิน จากอดีต ถึงปัจจุบัน

     ภาพที่ประทับใจไทยทั่วหล้า
มวลประชาแซ่ซ้องสรรเสริญ
สองพระองค์คล้องพระหัตถ์พระดำเนิน
งามเหลือเกินพระคู่ฟ้าคู่แผ่นดิน

    ปี ๒๔๙๓
ภาพแห่งความทรงจำหวลถวิล
วัน ราชาภิเษกพระภูมินทร์
ไพร่ฟ้าทั่วแผ่นดินสดุดี

    ๒๘ เมษา มาบรรจบ
 เวียนมาครบ ๖๑ ปีนี้
ภาพปัจจุบันยังพระเกษมเปรมปรีดิ์
พระทรงมีน้ำพระทัยให้แก่กัน

     สองพระหัตถ์คงสัมผัสกระชับแน่น
สมเป็นแก่นแบบอย่างที่สร้างสรรค์
ภาพมงคล ให้คงอยู่ คู่นิรันดร์
ไทยทั้งชาติ พร้อมใจกัน สดุดี

   สุเวศน์ ภู่ระหงษ์
27 เม.ย.54

/////////////////////////////

พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส

         วันที่ 28 เมษายน พุทธศักราช 2493 ณ วังสระปทุม โดยมีสมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันสัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเป็นองค์ประธาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ทรงจดทะเบียนสมรส ตามกฎหมาย เช่นบุคคลสามัญทั่วไป โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนชัยนาทนเรนทร และ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ร่วมลงนามเป็นราชสักขี ท่ามกลางพระบรมวงศานุวงศ์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานรัฐสภา ผู้แทนรัฐบาลไทย และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ให้มาร่วม ในพระราชพิธีนี้ จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ เสด็จฯ ขึ้นประทับ ยังห้องพระราชพิธี บนตำหนัก เพื่อรับพระราชทานน้ำ พระพุทธมนต์เทพมนต์ ตามโบราณราชประเพณี เสร็จแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่าน สถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ เป็น “สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์” แล้วพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาจักรีบรมราชวงศ์ ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุด แด่สมเด็จพระราชินิสิริกิติ์ จากนั้นพระราชทาน ของที่ระลึก เป็นหีบเงินขนาดเล็ก ที่มีพระปรมาภิไธยย่อ ภอ. และ สก.ให้แก่พระประยูรญาติ ที่ใกล้ชิดและราชสักขี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานพระราชทานเลี้ยง เป็นการภายใน ระหว่างพระญาติสนิท และข้าราชบริพารที่ใกล้ชิดเพียงไม่เกิน 20 คนเท่านั้น นับเป็นพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่หมดเปลืองน้อยมาก

       ชายแดนร้อนระอุอึดอัด
ปฏิบัติสู้รบห้ำหั่น
มนุษย์เอ๋ยใยจึงต้อง เข่นฆ่ากัน
น่าจะหันหน้ามา สามัคคี

      รอบๆตัวที่โหดร้ายคือภัยพิบัติ
ยังมิอาจป้องกันได้ในทุกที่
ภาคใต้ยังระทม ทุกข์มากมี
แม้แต่ที่จะหลับนอนให้อ่อนใจ


       หลายประเทศที่พบมาสุดสาหัส
ญี่ปุ่นจัดว่ารุนแรงโหดร้าย
ซึมามิโหมกระหน้ำทำลาย
พังพินาศวอดวายยกเมือง

      แสดงถึงสภาวะธรรมชาติ
คงมิอาจคาดได้ในทุกเรื่อง
เราใช้ธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง
ธรรมชาติเคืองจึงหันหน้ามาฆ่าเรา

      การทำลายย่อมมิใช่สิ่งดี
หยุดซะทีที่มุ่งคิดทำลายเขา
จงหันหน้าเข้าหากัน เพื่อบรรเทา
ความแตกแยกแตกร้าวในสังคม

     คงเห็นคนเป็นคน เป็นญาติ
ปฏิบัติสรรค์สร้างอย่างเหมาะสม
ไม่แบ่งชนแบ่งชั้น บั่นอารมณ์
ให้เกิดปม ร้าวลึก สำนึกดี

      ขจัดความเห็นแก่ตัว ที่มัวหมอง
ประสานจิต ปรองดอง ดั่งน้องพี่
กำแพง หรือเส้นกันอย่าให้มี 
เคารพเกียรติศักดิ์ศรีกันและกัน

      โลกนี้ก็จักมีความผาสุข
ยามมีทุกข์เราพร้อมใจสกัดกั้น
จะชนไหนชาติไหนสายสัมพันธ์
รักสร้างสรรค์ ดีที่สุดมนุษย์เอย

บ้านมั่นคง จุดประสงค์เพื่อสังคมไทย
มีที่อยู่อาศัย มีน้ำใจมีมิตรไมตรี
ร่วมสร้างกติกา ร่วมปรึกษาหาสิ่งดีดี
เพื่อบ้านมั่นคงเรานี้ มีศักดิ์ศรี มีวัฒนธรรม

           หลายคนที่ได้ฟังเพลงในอัลบั้มชุด พระภูมิพล ของสุเวศน์ ภู่ระหงษ์& วัลลภ พลเสน ครบทั้ง 10 บทเพลง มีความเห็นว่า บทเพลงมีเนื้อหาที่ต่างจากบทเพลงที่ได้ยินในปัจจุบัน มีมุมมองและประเด็นที่แตกต่าง เฉพาะตัว  มีความชัดเจนในเนื้อหาของบทเพลงและฟังเข้าใจง่าย


            การเขียนเพลงในแบบฉบับของสุเวศน์ ภู่ระหงษ์นั้น จะต้องมีการศึกษาค้นคว้าข้อมูล  จนมีคำพูดว่า "การเขียนเพลงเป็นการเรียนรู้ ถ้าไม่เขียนก็ไม่รู้" ต้องศึกษาข้อมูลในประเด็นนั้นให้เข้าใจ เมื่อคนเขียนเพลงเข้าใจในเนื้อหา ก็จะทำให้คนฟังเข้าใจตามไปด้วย เมื่อต้องพูดเกี่ยวกับบทเพลงที่เขียน สุเวศน์ ภู่ระหงษ์จึงสามารถอธิบายข้อมูลของบทเพลงที่เขียนขึ้นมาได้ ในการแสดงบนเวที จึงมีเรื่องพูดคุยได้เสมอ ต่างจากนักร้องในยุคปัจจุบัน ซึ่งร้องเพลงได้แต่ไม่เข้าใจข้อมูลของบทเพลงมากนัก เพราะไม่ได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง


            เมื่อสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ได้ขึ้นเวทีทำการแสดงในงานต่างๆ เขามักจะนำผลงานซีดีอัลบั้มชุึด พระภูมิพล นำไปวางจำหน่ายในงานให้ผู้สนใจได้ซื้อไว้เป็นเจ้าของด้วย และเป็นอัลบั้มที่หลายคนอยากได้ และเป็นงานเพลงที่ฟังได้ตลอด ถึงแม้ว่า ดนตรีของแต่ละบทเพลง เป็นแนวเพลงของผู้ใหญ่ แนวเพลงยุคเก่า แต่เมื่อได้ฟังเนื้อหาของแต่ละเพลงในอัลบั้มชุดนี้ หลายคนยอมรับว่า เนื้อหาน่าฟัง มีความลึก มีคุณค่า เป็นผลงานเพลงที่ดีมากๆ  บางคนเปรียบเทียบว่า เหมือนการหยิบหนังสือเล่มใหญ่ๆ 10 เล่ม  มาเขียนเป็นบทเพลงสั้นๆ 10 บทเพลง









            มาดูแต่ละบทเพลงในอัลบั้มชุดนี้กันบ้าง


            - เพลงพระภูมิพล  บทเพลงเทิดพระเกียรติที่ทำให้คนฟังเข้าใจว่า ทำไมคนไทยถึงจงรักภักดีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เหลือเกิน บทเพลงที่สะท้อนความรู้สึกจากหัวใจคนไทย จากคนที่อยู่ในชุมชน ซึ่งรวมถึงคนที่อยู่ในสังคมเมืองอย่างลงตัว


            - เพลงพระปกเกล้า กับมุมมองการเขียนเพลงที่แตกต่างจากหลายคน ด้วยความรู้สึกเคารพเทิดทูนพระองค์ท่าน และมุมมองการถ่ายทอดเรื่องราวของรัชกาลที่ 7 ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด


            - เพลงคืนชีวิตให้แผ่นดิน จากการสัมภาษณ์ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ในรายการวิทยุ แล้วสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ จับประเด็นมาเขียนเพลงภายในเวลาไม่นาน กลายเป็นบทเพลงประจำของพี่น้องชาวกสิกรรมธรรมชาติ ที่ร้องกันติดปากไปทั่วประเทศ


            - เพลงเศรษฐกิจพอเพียง  เป็นเพลงที่หลายคนยอมรับว่า ฟังแล้วเข้าใจคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงภายใน 3 นาที เข้าใจง่ายกว่า การอ่านหนังสือเล่มหนา หรือฟังคำอธิบายจากนักวิชาการ หรือผู้มีความรู้หลายคนที่พูดถึงเศรษฐกิจพอเพียงตามความเข้าใจของแ่ต่ละคน แต่ทำให้คนฟังไม่เข้าใจตรงกับผู้พูด


            - เพลงปริญญาแห่งชีวิต, แหล่อนัตตา การนำเสนอหลักคิด ความเป็นจริงของชีวิต เตือนสติผู้คนได้เป็นอย่างดีทีเดียว กับเนื้อหาที่มีสัมผัสร้อยเรียงอย่างลงตัว แม้ไม่ใช่บทเพลงที่ติดหูง่ายเหมือนเพลงในกระแสทั่วไป แต่ทำให้คนฟังได้ข้อคิดดีๆหลายอย่างภายในเวลาไม่กี่นาที


            - เพลงน้ำตาทาสยาเสพติด, ลุ่มน้ำลำภาชี, เสียงจากคนพิการ บทเพลงในแนวเพลงเพื่อชีวิต ที่สะท้อนความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคม พร้อมกับมุมมองด้านบวกที่ให้กำลังใจให้สู้ต่อไป ยอมรับความจริง แม้อยู่ในสถานการณ์ที่ถือว่าเป็นวิกฤติของชีวิต แต่ทุกคนก็สามารถผ่านพ้นวิกฤติชีวิตนั้นได้เช่นกัน


            - เพลงสายสัมพันธ์ กับมุมมองแบบคนไทย ที่อยากให้คนไทยทุกคนร่วมแรมร่วมใจสามัคคีกัน ทำงานทุกอย่าง ร่วมมือกัน


            สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ เขียนเพลงใหม่ๆ ทุกสัปดาห์ มาตลอดหลายปี แต่ัอัลบั้มชุดนี้ เขามักจะนำไปวางจำหน่ายในงานที่เขาไปร่วมงาน เป็นผลงานเพลงที่เขาตั้งใจทำ มีเพลงที่ได้รับรางวัลจากสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ  รวมทั้งสร้างชื่อเสียงให้กับเขา คือ เพลงพระภูมิพล และ คืนชีวิตให้แผ่นดิน    เป็นผลงานเพลงคุณภาพที่คนฟังเพลงอิสระประทับใจอย่างมาก


            นี่คือ ผลงานเพลงที่ประทับใจของหลายคน เป็นผลงานเพลงที่เกิดจากการศึกษาข้อมูลอย่างชัดเจน นำเสนอการเรียนรู้เพื่ือมอบข้อคิด ความรู้และสาระแก่ผู้ฟังจริงๆ ผลงานชุดนี้การสนับสนุนจากมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้สามารถผลิตผลงานเพลงชุดนี้ ออกมาเผยแพร่ได้



เพลงพระภูมิพล


เพลงคืนชีวิตให้แผ่นดิน


เพลงเศรษฐกิจพอเพียง

        เพลง สภาองค์รชุมชน


       สุเวศน์ ภู่ระหงษ์, ว.พลเสน


      สภาองค์กรชุมชน จัดตั้งในทุกตำบล
เป็นสภาของประชาชน เพื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจ


      สภาองค์กรชุมชน รวมพลเพื่อเราก้าวไป
ชุมชนคนจันท์สดใส ใส่ใจชีวิตชุมชน


      อุปสรรคปัญหาอันใด จะคลี่คลายด้วยเหตุผล
จากความคิดของเราทุกคน อุทิศตนรวมพลคนจันท์


       สภาองค์กรชุมชน สร้างคนเป็นวิทยาทาน
ทุกปัญหานำพาจัดการ เพื่อคนจันท์สุขสรรค์นิรันดร


       สภาองค์กรชุมชน รวมพลคนมีหัวใจ
คนจันท์เราสุขสดใส ก้าวไปด้วยใจมั่นคง

          ถึงแม้จะเป็นศิลปินที่อยู่ในจังหวัดจันทบุรี ทำผลงานเพลงเผยแพร่ในชุมชนท้องถิ่น แต่ผลงานเพลงก็เป็นที่รู้จักของหลายคน จากการเผยแพร่ผ่านทางเครือข่ายวิทยุชุมชน และการไปขึ้นเวทีร่วมกิจกรรมและงานต่างๆ ร่วมกับ ไก่ แมลงสาบ หรือ วัลลภ พลเสน จนเมื่อ ไก่ แมลงสาบ ได้เป็นพิธีกร ดำเนินรายการบ้านศิลปิน ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV4 ช่อง E-san Discovery ไก่ แมลงสาบจึงได้เชิญ สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ไปออกในรายการนี้ด้วย

          นี่คือ บันทึกรายการบ้านศิลปิน ในช่วงที่สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ร้องเพลง คืนชีวิตให้แผ่นดิน แบบสดๆในห้องส่งของรายการ มีไก่ แมลงสาบ เล่นกีตาร์ให้ ซึ่งเป็นภาพบรรยากาศที่ไม่ค่อยได้เห็นง่ายๆนักสำหรับการออกรายการทีวีของสุเวศน์ ภู่ระหงษ์





คืนชีวิตให้แผ่นดิน - สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ร้องสดกับไก่ แมลงสาบ ในรายการบ้านศิลปิน ASTV4 เมื่อ 10 พ.ย.2550

      "พระภูมิพลล้นเกล้าเผ่าไทย
      เกริกก้อง เกรียงไกร อยู่ในใจ คนไทยทุกคน
       พระทรงเมตตา กรุณาเปี่ยมล้น
      น้ำพระทัย องค์ภูมิพล
      ท่วมท้นพวกเราเผ่าไทย

      ..เหมือนเป็นพลัง หนุนสร้างชุมชน
      ให้บันดาลดล เหล่าชุมชนทุกคนชื่นใจ
     ยามใดเดือดร้อน พระองค์ทรงช่วยแก้ไข
     ประทานทฤษฎีใหม่ ให้ผองไทยเราร่มเย็น"


           นี่คือ เพลงพระภูมิพล บทเพลงที่ได้รับรางวัลโล่ดีเด่นจากสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ จากการที่มีผู้นำบทเพลงนี้ ส่งเข้าประกวด ทั้งๆที่สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ไม่ได้ตั้งใจที่จะส่งเพลงนี้ เข้าชิงรางวัลใดๆทั้งนั้น แต่ทำเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อเทิดพระเกียรติในหลวงด้วยความจงรักภักดีจากคนไทยคนหนึ่งเท่านั้น

           บทเพลงพระภูมิพล ถูกนำเสนอในแง่มุมของคนในชุมชนท้องถิ่น ซึ่งแตกต่างจากบทเพลงที่แต่งเพื่อเทิดพระเกียติทั่วๆไปที่ได้ยินกัน ทำให้บทเพลงนี้จึงถูกใจ ประทับใจคนฟังหลายคน ในต่างจังหวัด โดยเฉพาะทางพื้นที่ภาคใต้ ที่ชื่นชอบเพลงนี้อย่างมาก และเพลงนี้ถูกเผยแพร่ทางสถานีวิทยุท้องถิ่นหลายแห่งมาแล้ว


            เพลงพระภูมิพล ถูกนำมาเผยแพร่ทางเวบของ "กลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน" หลังจากได้มีการนำทุกบทเพลงในอัลบั้ม "พระภูมิพล" ทั้ง 10 เพลง ซึ่ง สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ขับร้องร่วมกับ ไก่ แมลงสาบ ในหลายบทเพลง และกลายเป็นบทเพลงที่หลายคนชื่นชอบทันที หลังจากที่ได้ฟังผ่านอินเตอร์เนต เพราะเนื้อหาตรงกับใจของคนไทยหลายคน แม้จะเป็นเพลงอิสระ ทำเอง ไม่ได้สังกัดบริษัทที่ทำธุรกิจในวงการเพลงใดๆ โดย สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ทำเอง ขายเอง เมื่อไปตามงานต่างๆ ก็จะนำ ซีดีชุดพระภูมิพล ไปจำหน่ายให้ผู้สนใจได้ซื้อไว้เป็นเจ้าของอีกด้วย


            เพลงพระภูมิพล ฉบับ KARAOKE นี้ถูกนำไปเปิดในงานต่างๆที่สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ มีโอกาสไปร่วมงานด้วย ซึ่งเป็นบทเพลงที่ผู้แต่ง คือ สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ มีความภาคภูมิใจอย่างมาก ปัจจุบันได้มีการทำเป็นริงโทร - เสียงรอสายสำหรับโทรศัพท์มือถือแล้ว ร่วมกับบทเพลงอื่นๆของ คู่หูเพื่อนซี้ ดนตรีที่อิสระ ไก่ แมลงสาบ + สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ซึ่งโค้ดเพลงต่างๆ อยู่ที่เวบของกลุ่มศิลปะดนตรี กวีประชาชน http://thaibansinlapin.blogspot.com/2011/02/ring-tone-code-ring-back-tone.html

           สำหรับรหัสริงโทน ของเพลงพระภูมิพล ในระบบต่างๆ มีดังนี้

เสียงเรียกเข้า(Ringtone)
Ring Tone Code

พระภูมิพล     วัลลภ +สุเวศน์ 

True Tone 95885
Fullsong    35885

วิธีการดาวน์โหลด    

    ·        ระบบ AIS    
    บริการ  True tone :  กด *488600 ตามด้วยรหัสเพลง 5 หลัก + 6176  โทรออก    
    บริการ Full Song :  เข้าเมนูเขียนข้อความ พิมพ์รหัสเพลง 5 หลัก + 6176 ส่งไปที่หมายเลข 4886005    

    ·        ระบบ DTAC    
    บริการ True tone, Full Song :  กด *1920022 ตามด้วยรหัสเพลง 5 หลัก + 6176   โทรออก    

    ·        ระบบ True Move    
    บริการ True tone, Full Song :  เข้าเมนูเขียนข้อความ พิมพ์รหัสเพลง 5 หลัก + 6176  ส่งไปที่หมายเลข 4886000    
          
    หมายเหตุ   โทรศัพท์มือถือของผู้รับต้องทำการเปิดบริการ GPRS ให้เรียบร้อยก่อน วิธีการเปิดบริการ ให้โทรไปที่ Call Center ของผู้ให้บริการเครือข่ายของคุณ    
 AIS Call Center โทร. 1175    
DTAC Call Center โทร. 1678    
True move Call Center โทร. 1331    


------------------------
Calling Melody ( AIS )         
      เสียงรอสาย      
พระภูมิพล     วัลลภ +สุเวศน์     
Code    36112593
    วิธีการใช้บริการ :                     

กด *789 แล้วตามด้วยรหัสเพลง 8 หลัก จากนั้นกดปุ่มโทรออก      
          หรือกด 1175 กด 9 เพื่อสมัครกับเจ้าหน้าที่โดยตรง

Ring 4 U ( DTAC )
พระภูมิพล     วัลลภ +สุเวศน์      พระภูมิพล     922802916464
    วิธีใช้บริการ :  
กด *119 ตามด้วยรหัส 12 หลัก แล้วกดปุ่มโทรออก  
หรือกด 1678 เพื่อสมัครกับเจ้าหน้าที่โดยตรง  


Color Ring  (True Move)
พระภูมิพล     วัลลภ +สุเวศน์      พระภูมิพล     10192599
วิธีการใช้บริการ :  
กด * 888 ตามด้วยรหัสเพลงที่ต้องการ 8 หลัก แล้วกดปุ่มโทรออก  
หรือโทรไปที่ 2222 บอกรหัสเพลงที่ต้องการกับเจ้าหน้าที่ 


          แม้จะมีข้อจำกัดหลายอย่าง ในช่วงที่ทำดนตรีเพลงนี้  ทั้งเรื่องของห้องบันทึกเสียงที่จันทบุรี ในช่วงที่บันทึกเพลงนี้ อ.ธนกร ศรีวรนันท์ ต้องฆ่าตุ๊กแก ที่ส่งเสียงร้องอยู่ตลอดในช่วงนั้น เพื่อให้เสียงเงียบ ไม่รบกวนการบันทึกเสียงเพลงพระภูมิพล และการจัดทำมิวสิควิดีโอคาราโอเกะ ที่ อ.ธนกร พิถีพิถัน เลือกภาพประกอบสำหรับมิวสิควิดีโอที่ดีที่สุด เพื่อเทิดพระเกียรติองค์ในหลวงให้สมพระเกียรติ และนำเสนอเนื้อหาของบทเพลงนี้ ในแง่มุมของคนในชุมชนให้เหมาะสมที่สุด...


         และนี่คือ เพลงพระภูมิพล KARAOKE บทเพลงที่ถ่ายทอดจากหัวใจของสุเวศน์ ภู่ระหงษ์

           ศตจ. ปชช จันทบุรี หรือ ขบวนการขององค์กรชุมชน เกิดจากการรวมตัวของเครือข่าย/ กลุ่ม/ องค์กรต่างๆ ในนามประชาคมจันทบูร  ทำการเชื่อมโยงประสบการณ์ และเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน  จนเมื่อปี พ.ศ.2549 ได้กลายเป็น ศูนย์ประสานงานต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนภาคประชาชนจังหวัดจันทบุรี ดำเนินงานร่วมกับมหาดไทย

          สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ได้เขียนเพลง บอกเล่าถึง ศตจ.ปชช.จันทบุรีให้เข้าใจง่ายขึ้น และเพลงนี้ ได้ถูกจัดทำเป็นมิวสิควิดีโอคาราโอเกะ บอกถึงบทบาทของ ศตจ.ปชช.จันทบุรี ได้อย่างชัดเจน









เพลง มาร์ชศูนย์ต่อสู้เอาชนะความยากจน

          "ตลาดสี่มุมเมรุ  นับว่าเป็นมิติใหม่
          แนวคิดไม่ยึดติดสิ่งใด 
           เกิดแก่เจ็บตาย นั้นเป็นเรื่องธรรมดา

           เปลี่ยนความกลัวให้เป็นโอกาส
           อย่ามัวขี้ขลาด มันจะเสียเวลา
           ดวงจิตเราต้องคิดพัฒนา 
           สู่ความก้าวหน้าใช้ปัญญานำทาง"

             อีกหนึ่งบทเพลงที่น่าสนใจจาก สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ กับบทเพลง "ตลาดสี่มุมเมรุ" ซึ่งเป็นตลาดที่ตั้งอยู่ภายในวัดบางสระเก้า ตำบลบางสระเก้า อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งนับได้ว่า เป็นตลาดที่มีความแปลก คือ ตั้งอยู่รอบๆ เมรุเผาศพ ซึ่งหลายคนไม่อยากที่จะเข้าไปใกล้กับสิ่งนี้ แต่ด้วยแนวคิดที่แตกต่าง ทำให้เกิดตลาดสี่มุมเมรุ ขึ้นมา

           สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ไ้ด้เขียนถึงที่มาของบทเพลง ตลาดสี่มุมเมรุ ว่า "ผู้เขียนเพลงได้มีโอกาสไปสัมผัสกับตลาดสี่มุมเมรุ มีความรู้สึกว่าแปลกเพราะไม่เคยพบเห็นที่ไหน ความกลมกลืนระหว่างพ่อค้า แม่ค้าขาย และลูกค้าที่มาหาซื้อของสดๆจากทะเล เดินไปมาหาซื้ออย่างปรกติ เหมือนเดินช็อปปิ้งในตลาดทั่วไป ไม่สะทกสะท้าน  ถามไถ่คนบางสระเก้า จึงได้ทราบว่า ท่านพ่อแสง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางสระเก้าดำริให้จัดเป็นแผงขาย จึงเป็นที่มาของตลาดสี่มุมเมรุ"



         เพลงตลาดสี่มุมเมรุ
         ผลงานเพลง โดย สุเวศน์ ภู่ระหงษ์
        ดนตรี โดย ธนกร ศรีวรนันท์


มาชมเบื้องหลังการถ่ายทำ มิวสิควิีดีโอเพลงนี้กันบ้างครับ


เบื้องหลังการถ่ายทำ MV

        ประชาธิปไตย ประชาธิปไตย
      ประชาธิปไตย ประชาธิปไตย
       ชีวิตเราทุกวันนี้ นับว่าโชคดี เรามีประชาธิปไตย
      รู้สิทธิ์ และรู้หน้าที่เด็กเอ๋ยเด็กดีต้องมีประชาธิปไตย
       รวมพลหนอว่าคนรุ่นใหม่
      ฝากเยาวชนหนอว่าคนรุ่นใหม่
       ศึกษาใส่ใจประชาธิปไตย

         สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ หนึ่งในคณะทำงานด้านสื่อของศูนย์ต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนภาคประชาชน จ.จันทบุรี (ศตจ.ปชช.จันทบุรี) พาไปเยี่ยมชมและทำความรู้จักกับ ศตจ.ปชช.จันทบุรีพาไปรู้จักกับทีมงานแต่ละคน อาทิ ทวิช เพชรรัตน์, สุจิตรา ชนะสิทธิ์ ฯลฯ





          ร.ต.ต.ปัญญวัฒน์ กระทุ่มเขต  ประธาน  ศตจ.ปชช.จันทบุรี พูดถึงบทบาทของ ศตจ.ปชช.จันทบุรี
        "....ศตจ.ปชช. เป็นการรวมตัวของกลุ่มองค์กรเครือข่ายในจังหวัดจันทบุรี มารวมตัวกันทำเรื่องราว ร่วมคิด ร่วมทำเกี่ยวกับวิถีชีวิต เม่อเกิดการขับเคลื่อนเป็นสภาองค์กรชุมชน ทำให้มีพื้นที่ปฏิบัติการที่ชัดเจนขึ้น...."





           ผศ.ชาญศักดิ์ บุญเรือง ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบลทับช้าง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ผู้ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาพัฒนาการเมือง พูดถึงบทบาทหน้าที่ในการขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชนที่ทำให้เกิดการพัฒนา   



        คุณไผ่ พุทธิชาติ จักรแก้ว ภาคประชาสังคม จ.จันทบุรี ซึ่งทำงานในประ้เด็นสิ่งแวดล้อม กับ ศตจ.ปชช.จันทบุรี กล่าวฝากประเด็นสำคัญไว้

          ทุกวันที่ผ่านไป สุเวศน์ ภู่ระหงษ์มักจะฝึกฝนตนเองให้หมั่นคิด ทำสิ่งใหม่ๆทุกวัน  ซึ่งในแต่ละวันจะต้องเขียนบทกวี หรือเขียนเพลงใหม่ 1 เพลง  ในคืนวันที่ 5 เมษายน 2554 เมื่อนายบอน ชวนลุงสุเวศน์ เขียนเพลงวันจักรีเพราะวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 6 เมษายน 2554 ลุงสุเ้วศน์ตอบรับทันทีว่า

          "เอาสิ พรุ่งนี้เขียนเพลงกัน รีบค้นข้อมูลตอนเช้าเลยนะ บทเพลงจะได้เสร็จก่อนเที่ยง แล้วนำเพลงวันจักรี เผยแพร่ืทางอินเตอร์เนตได้เลย"

            นายบอนคิดว่า งานนี้คงได้เพลงใหม่ที่คุณลุงร้อง เสียงสด หรือ แหล่สดๆหรือ มีเครื่องดนตรี 1 ชิ้นในบ้าน บรรเลงคลอไปด้วย แต่คุณลุงคิดไปไกลกว่านั้น เมื่อทำบทเพลงเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งที ก็อยากทำให้ดีที่สุดเท่าที่สามารถทำออกมาได้ภายในวันจักรี

           7 โมงเช้าวันจักรี นายบอนรีบค้นข้อมูลประวัติ ความเป็นมาของวันจักรี แล้วสรุปย่อประเด็นหลักไว้ 9 ข้อ   7.34 น.ลุงสุเวศน์มานั่งดูพร้อมแก้วกาแฟแล้วจดประเด็นลงในสมุดบันทึก เวลา 8.00 น. เริ่มเขียนเพลงท่อนแรก สักพัก นายบอนลองค้นหาบทกวีที่เกี่ยวกับวันจักรี พบบทกวีของชัยแสงทิพย์ ที่ลุงสุเวศน์ได้อ่านแล้ว ยอมรับในฝีมือจนต้องขอจดไว้ นายบอนจึงค้นหาข้อมูลจนพบชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของ "ชัยแสงทิพย์" ลุงสุเวศน์ รีบจดใส่สมุดไว้ทันที




          หลังจากทานอาหารมื้อเช้าตอน 9 โมงแล้ว คุยกันพักหนึ่ง ลุงสุเวศน์ ก็เริ่มเขียนเพลงวันจักรีบนกระดานที่มุมหนึ่งของบ้าน เขียนไปสักพักจนหมึกแห้ง จึงต้องหยิบอุปกรณ์มาเติมหมึก พร้อมกับพูดว่า

            "นี่แหละคือความดิ้นรนของคนอัตคัต เหมือนกับคนที่เคยรู้จักคนหนึ่ง ไม่มีเงินซื้่อยางลบดินสอ ก็เอายางรัดถุงมารัดตรงปลายดินสอใช้แทนยางลบได้"







         ลุงสุเวศน์ พยายามเติมหมึก แต่ก็ยังเขียนไม่ออก ตัดปลายก็แล้ว ก็ยังเขียนไม่ออก คงเพราะเติมมาแล้วหลายหน คงต้องถึงเวลาซื้อของใหม่ แต่คุณลุึงไม่ยอมแพ้ เมื่อเขียนบทเพลงใส่กระดานอย่างที่คุ้นเึคยไม่ได้ ก็เขียนใส่สมุดบันทึกนี่แหละ จึงนั่งก้มเีขียนเพลงทันที




         ในขณะที่เขียนเพลง ลุงสุเวศน์จะนึกทำนองไปด้วย เลยให้ถ่ายวิดีโอไว้ เผื่อเกิดลืมทำนองขึ้นมา



           ทีแรกคุณลุงบอกว่า จะร้องในทำนองแหล่ แต่พอเขียนเพลงไปสักพัก เปลี่ยนใจจะร้องในทำนองเพลงเรือ น่าจะเหมาะสมกว่า เลยบันทึกทำนองที่สองไว้






           โดยปกติ คุณลุงใช้เวลาเขียนเพลง 1 เพลง ใช้เวลาไม่เกิน 15-20 นาที แต่สำหรับเพลงวันจักรี คุณลุงต้องพิถีพิถันมากขึ้น เพราะต้องใช้คำในบทเพลงให้เหมาะสมกับสถาบันพระมหากษัตริย์ จะผิดไม่ได้ จึงใช้เวลาเขียนเพลงถึง 30 นาที  เมื่อเสร็จแ้้้ล้วคุณลุงก็ขับรถพาไปยังห้องบันทึกเสียงสิงหา ของลุงสิง ทีแรกบอกว่าจะไปยืมเงิน เพราะวันนี้ลุงสุเวศน์มีเงินติดกระเป๋าอยู่ไม่กี่บาท เมื่อไปถึงห้องบันทึกเสียงสิงหา คุณลุงลองถามว่า มีทำนองดนตรีแบบที่ต้องการหรือเปล่า  เพราะพึ่งจะเขียนเพลงวันจักรี เสร็จ ตั้งใจจะทำออกมาเผยแพร่ให้ทันในวันนี้เท่าที่จะสามารถทำได้ ลุงสิงจึงค้นดูในคอมพิวเตอร์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วเปิดดนตรีใ้้ห้ฟัง












          คุณลุงสุเวศน์ ร้องเพลงวันจักรีให้ลุงสิงฟังทำนอง ก่อนที่จะหาทำนองที่เหมาะสมให้

          เมื่อได้ยินทำนองดนตรี ลุงสุเวศน์ก็ปรับทำนองการขับร้องให้เข้ากับดนตรีทันที นายบอนมองดูด้วยความทึ่้ง คาดไม่ถึงว่า ลุงสุเวศน์ตั้งใจทำเพลงวันจักรีถึงขั้นเข้าห้องบันทึกเสียงให้บทเพลงออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ภายในวันนี้ ถ้าหากมีเวลามากกว่านี้ คุณลุึงคงจะหาคนทำดนตรี เรียบเรียงดนตรีใหม่เพื่อให้เพลงวันจักรี สมบูรณ์มากกว่านี้ แต่เพราะความตั้งใจอยากให้เพลงนี้เสร็จทันภายในวันนี้ จึงต้องตัดสินใจทำออกมาในแบบนี้แหละ จึงเข้าห้องบันทึกเสียงทันที






ร้องช่วงแรก


ร้องช่วงสุดท้าย


            ถึงแม้เพลงนี้ ไม่ได้ทำขายแต่ทำเพราะความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ลุงสุเวศน์จึงพยายามร้องให้ดีที่สุดภายใต้ข้อจำกัดหลายอย่าง เมื่อร้องไป บางคำออกเสียงผิดคีย์ ไม่ได้ดังใจ ก็ขอร้องใหม่ ซึ่งลุงสิงก็ช่วยปรับแต่งดนตรีให้เข้ากับเพลงที่ร้อง ร่วมใจกันทำเพลงด้วยความจงรักภักดี ซึ่งภายในห้องบันทึกเสียงของลุงสิง มีรูปในหลวงอยู่หลายมุม มีมากกว่าหลายห้องบันทึกเสียง





           "ทำออกมา เพื่อให้ได้ทำ" เป็็นคำพูดง่ายๆของลุงสุเวศน์ หลังเดินออกจากห้องบันทึกเสียง ลุงสิงรีบจัดการมิกซ์เสียงทันที ซึ่งลุงสิงและลุงสุเวศน์ได้ร่วมงานมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ลุงสุเวศน์คอยดุแลและป้อนงานให้ จนลุงสิงมีห้องบันทึกเสียงที่บ้าน ทำงานที่บ้านอยู่กับครอบครัว รับทำเพลงโฆษณา เพลงหาเสียง เพลงทั่วๆไป อยู่ที่ชุมชนย่อยที่ 8 เทศบาลตำบลท่าช้าง ในเขตอำเภอเมืองจันทบุรี หลังจากมิกซ์เสียงเสร็จ และ write เพลงลงแผ่น CD ให้ลุงสุเวศน์ นายบอนนั่งจับตาดูว่า ลุงสุเวศน์จะจ่ายค่าทำเพลง+บันทึกเสียงเท่าไหร่ ลุงสุเวศน์หยิบกระเป๋าควักเงินให้

            "เอาไปเท่านี้ละกัน..."

             "คนละครึ่งนะ" ลุงสิงเอื้อมมือหยิบกระเป๋าเพื่อหาเงินทอน

             "เอาไปเถอะ ..อือม ขอยืมเงินหน่อยสิ.."

             ลุงสิงรับเงินค่าทำเพลงจากลุงสุเวศน์ แล้วหยิบกระเป๋าเงิน นับเงินส่งให้ลุงสุเวศน์เท่ากับจำนวนที่ขอยืม...


              ลุงสุเวศน์ จ่ายค่าทำเพลงวันจักรี 100 บาท !!  เพราะวันนั้นมีเงินติดกระเป๋าเหลือน้อยจริงๆ ซึ่งโดยปกติแล้ว ค่าทำเพลงจะมากกว่านี้ แต่ที่ผ่านมา เมื่อลุงสุเวศน์มาทำเพลงที่นี่ ลุงสุเวศน์จะจ่ายค่าทำเพลงให้เต็มราคา หลายพันบาท ถึงแม้จะเคยช่วยเหลือลุงสิงมาตลอดและลุงสิงพยายามคิดราคาพิเศษ จะลดให้บ้าง แต่ลุงสุเวศน์ขอให้คิดเต็มราคา ไม่ต้องลด เพื่อให้เป็นมาตรฐานการทำงาน และไำม่อยากเอาเปรียบใคร อยากให้ทำงานเต็มที่เต็มฝีมือ เพราะงานทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย ทำให้ครั้งนี้ เมื่อจ่ายเงินค่าทำเพลง 100 บาท ลุงสิงยังขอมีส่วนร่วมคนละครึ่ง เพราะน้ำใจที่มีมาต่อกันอย่างยาวนานนี่เอง


            หลังเพลงวันจักรีเสร็จ ลุงสุเวศน์ก็ขอให้ลุงสิงค้นหาเพลงที่เคยทำไว้ ได้แ่ก่เพลง มาร์ช ศตจ. แบะเพลงสภาองค์กรชุมชน เพื่อให้นายบอนเอาไปเผยแพร่ทางอินเตอร์เนต ซึ่งลุงสิงก็ดำเนินการ write เพลงลงแผ่น CD ให้


         หลังออกจากห้องบันทึกเสียงสิงหา ลุงสุเวศน์พูดให้ข้อคิดว่า

          "การแต่งเพลงทำให้เราได้เรียนรู้ เขียนเพลงต้องค้นคว้า หาข้อมูล ถ้าไม่ทำ ไม่เขียนก็จะไม่รู้เรื่องนั้นๆ   เป็นประสบการณ์ที่ได้จากการทำงาน + การเรียนรู้"

            นี่คือผลพลอยได้จากการเขียนเพลง วันจักรี ของครูเพลง นาม "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" ซึ่งได้ถ่ายทอดวิธีการเขียนเพลงให้กับ "ไก่ แมลงสาบ" มาแล้ว

            สำนวนการเขียนเพลงของ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" จะหยิบประเด็นสำคัญ มาใส่ในเนื้อเพลงอย่างชัดเจน สำหรับบทเพลง วันจักรี ถ้าฟังแบบผ่านๆ จะเกิดความสงสัยในบางประโยค "ทำไมถึงกล่าวแ่ค่รัชกาลที่ 1-4 เท่านั้น" แต่ถ้าฟังใ้ห้ดีๆ จะได้ยินคำอธิบายที่ซ่อนอยู่ แต่บางคนก็ยังบอกว่า เพลงนี้ไม่สมบูรณ์ครบถ้วนอยู่ดี แ้ล้วคุณลองฟังหรือยัง คิดว่า ประเด็นครบถ้วนหรือขาดไปหรือไม่  สำหรับประวัติความเป็นมาของวันจักรีที่หลายคนไม่เคยสนใจค้นคว้าว่า ความจริงแล้ว วันจักรีมีความเป็นมายังไงกันแน่ ถึงเกิดมีวันนี้ในประเทศไทย ??


             ออกจากห้องบันทึกเสียงสิงหา ก็เดินทางมาที่ห้องบันทึกเสียงของ อ.ธนกร ซึ่งลุงสุเวศน์ได้บันทึกเสียงบทเพลงที่ทำให้กับเทศบาลเมืองโป่งน้ำร้อน ทันที





           หลังจากบันทึกเสียงเสร็จ อ.ธนกรก็เปิดเพลงให้ฟังทันที




           ออกจากห้องบันทึกเสียง ก็มาหาก๋วยเตี๋ยวทานกัน แล้วกลับเข้าบ้านที่ ต.แสลง นายบอนเอาเพลงมาเตรียมเผยแพร่ทางอินเตอร์เนต แต่คอมพิวเตอร์ มีแรมน้อย จึงช้ามากๆ หลายโปรแกรมไม่มี  จึงต้องเสียเวลาดาวโหลดโปรแกรมใหม่ กว่าจะ Rip เพลง แล้วทำคลิปวิดีโอ หาภาพวันจักรีมาประกอบบทเพลง ต้องใช้เวลานานมากๆ และปิดท้ายในส่วนของคลิปวิดีโอ จะปิดด้วยภาพถ่ายของศิลปินเจ้าของผลงานเพลง ลุงสุเวศน์ไม่มีรูปเดี่ยวในคอมพิวเตอร์ ไม่ทราบว่า เก็บไว้ที่ไหน เลยต้องเป็นนายแบบ ถ่ายภาพเดี่ยวมุมต่างๆ ด้วยกล้องดิจิตอล แล้วเลือกภา่พที่เหมาะสมมาปิดท้ายในคลิปวิดีโอเพลงวันจักรี ของ ุสุเวศน์ ภู่ระหงษ์

             ลุงสุเวศน์ ตั้งใจจะกล่าวถึงวันจักรี อุตส่าห์เรียบเรียงคำพูด เพื่อจะพูดบันทึกเสียงเป็นคลิปวิดีโอ แต่หลายครั้งที่บันทึกเสียงลงคอมพิวเตอร์ ปรากฏว่ามีเสียงรบกวนแทรกเสียงพูดอยู่ตลอด ในที่สุด ลุงสุเวศน์ ก็ตัดสินใจเขียนด้วยลายมือ เพื่อให้ถ่ายภาพตัวหนังสือทีเขียนนั้น ลงในอินเตอร์เนต ลุงสุเวศน์จึงหากระดาษ A4 แล้วนั่งก้มลงเขียนบนพื้น ด้วยความตั้งใจ


          



         เขียนคำถวายบังคมเนื่องในวันจักรี

          กว่าที่เพลงจะถูกเผยแพร่ในอินเตอร์เนต ออกทาง youtube และ เวบของกลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน เป็นช่องทางแรก ที่ http://thaibansinlapin.blogspot.com/2011/04/blog-post_06.html เวลาก็ล่วงเลยไปถึง 20.00 น. เสร็จภายในวันจักรี 6 เม.ย.2554 ท่ามกลางความอดทน รอคอยของลุงสุเวศน์ และนายบอน





เพลงวันจักรี

             เป็นครั้งแรกของการทำเพลง ตั้งแต่เริ่มเขียนเพลง และเข้าห้องบันทึกเสียง ทำเพลงเสร็จภายในวันเดียว และเผยแพร่ในอินเตอร์เนตภายในวันนั้น ลุงสุเวศน์นั่งมองคลิปวิดีโอ และเสียงเพลงที่ได้ยินผ่านคอมพิวเตอร์ด้วยความพอใจ อิ่มใจ ถึงแม้คอมพิวเตอร์จะช้าเหลือเกิน กว่าจะเปิดและโหลดวิดีโอขึ้นมาได้ แม้จะต้องรอนานก็ตาม

               เมื่อถามว่า ถ้ามีโอกาสและมีเวลามากขึ้น อยากจะแต่งเพลงสำหรับวันสำคัญของในหลวง เช่น วันฉัตรมงคล 5 พ.ค. อีกหรือไม่ คุณลุงสุเวศน์บอก พร้อมเสมอ อยากทำเพลงให้ในหลวง อยากให้ผู้สนใจนำเพลงไปใช้ เช่น ไปสอนเด็กนักเรียน ไปให้ความรู้เด็กๆ ถ้ามีคนช่วยทำดนตรี หรือผลิตเป็นสื่อ แล้วนำไปเผยแพร่ ยิ่งจะเป็นประโยชน์มากๆ คุณลุงสุเวศน์คิืดจะทำเพลงแหล่ประวัติวันจักรี หรือวันสำคัญอื่นๆ บอกเล่ารายละเอียดอย่างครบถ้วน หากมีข้อมูลเอกสารมากพอ จะลงมือทำแน่นอน แม้ไม่ได้เงิน แต่อยากจะทำเท่าที่เรี่ยวแรงยังพอมี แต่ความจงรักภักดีต่อในหลวงและพระราชวงศ์ ไม่ีวันหมดแน่นอน

           ..นี่เป็นผลงานชิ้นเล็กๆ ที่มีความตั้งใจ ความพยายามในการทำออกมา ขอให้ได้ทำเพื่อถวายความจงรักภักดีแด่บรมราชวงศ์จักรี จากบ้านหลังเล็กๆ ณ มุมหนึ่งของประเทศไทย ต.แสลง อ.เมือง จ.จันทบุรี

        บรรยากาศการประชุมสภาองค์กรชุมชน โดยมีตัวแทนจาก 53 ตำบลเข้าร่วมประชุม ที่ ศตจ.ปชช.จันทบุรี เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 5 เมษายน 2554 โดยมี ร.ต.ต.ปัญญวัฒน์ กระทุ่มเขต เป็นประธานการประชุม





        ร.ต.ต.ปัญญวัฒน์ กระทุ่มเขต กล่าวบรรยายระหว่างรอสมาชิกที่กำลังทยอยเดินทางมาร่วมประชุม





        ช่วงของการแนะนำตัวของผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละคน ทั้งประธานสภาองค์กรชุมชนและตัวแทนที่มาร่วมประชุม หลังจากนั้นจึงเข้าสูู่่การประชุม





          พูดถึงเป้าหมาย และทิศทางการดำเนินงานต่อๆไป







         ช่วงของการแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม







          ผศ ชาญศักดิ์ บุญเรือง กล่าวถึงบทบาทของสภาองค์กรชุมชน






          ช่วงของการแสดงความคิดเห็นของคุณทวิช เพชรรัตน์ และสุเวศน์ ภู่ระหงษ์











         คุณกุ้ง อินทิรา ภู่สุวรรณ ที่ปรึกษาเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.จันทบุรี กล่าวถึงรายละเอียดโครงการ "เหลียวหลังแลหน้าการพัฒนาชุมชนคนจันท์" เพื่อการถอดบทเรียน ทบทวนบทบาท ปัญหา และการดำเนินงานของสภาองค์กรชุมชน สร้างกระบวนการมีส่วนร่วม กลุ่มเป้าหมาย 550 คนเป็นอย่างต่ำ จัดงานวันที่ 25 เมษายน 2554 ที่ศูนย์ปฏิบัติราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี อ.เมือง จ.จันทบุรี

พื้นที่กวีชาวบ้าน สื่อสารตำนานท้องถิ่น

        ลาดตระเวณ บริเวณ เขาจำปา            จะเหน็ดเหนื่อย หนักหนา ไม่เคยท้อ
เกิดปะทะ อีกครั้ง กับ ผกค.                         ฝ่าย ตชด.เสียชีวิต ไปห้าคน
      ต้องสููญเสีย ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า                  จะโศกเศร้า ซับซ้อน สักกี่หน
  ชาวซับตารี ต้องต่อสู้ และอดทน              เพราะทุกคน รักผืน แผ่นดินไทย
 ปีสองพัน ห้าร้อย ยี่สิบแปด                         เหมือนผ่านแดดน ผ่านมรสุม มาได้
ประกาศเป็น หมู่บ้านป้องกัน ชายแดนไทย    จัดสรร ที่อยู่อาศัย ให้ทำกิน
   ชาวซับตารี มีขยัน และหมั่นเพียร            ผ่านบทเรียน ทุกข์ยาก มาทั้งสิ้น
มุ่งยึดมั่น สามัคคี เป็นชีวิน                        การมีน้ำใจ ในท้องถิ่น ถือเป็นทุน
      ต้องรักใคร่ ปรองดอง ดุจน้องพี่          แม้ภัยจะ มากมี ยังอบอุ่น
สวดวิงวอน พึ่งพา พุทธคุณ                         หมั่นทำบุญ อธิษฐาน บันดาลใจ
  มีผู้นำ เลือกผู้นำ ตามธรรมชาติ                 อุดมการณ์ ความสามารถสะอาดใส
 สำคัญยิ่ง ผู้นำ  ต้องจริงใจ                           จะคิดทำ สิ่งใด ต้องให้คุณ
ปีสองพัน ห้าร้อย สามสิบ                      มนุษย์ดิบ ฝ่ายตรงข้าม ยังทำวุ่น
 ยิงปืนใหญ่ เข้ามา หวังทารุน                เดชบุญ ทุกคนรอด ปลอดภัย
    เพราะมีหลุม บังเกอร์ เ็ป็นที่กั้น           แต่เรือนชาน ได้รับ ความเสียหาย
ต้องอพยพ กันชุลมุน ดูวุ่นวาย            และเกิดการ เสียหาย เป็นประจำ
   พอเหตุการณ์ เริ่มสงบ ลงบ้าง             กลับซ่อมสร้าง เรือนชาน บ้านกระำหนำ
 แบ่งหน้าที่ ลาดตระเวณ กันทำ           ทั้งผู้นำ และผู้ตาม มีน้ำใจ
แต่ตามแนว ชายแดน แสนสาหัส             ออกล่าสัตว์ หาอาหารป่า ไม่ค่อยได้
ฝ่ายตรงข้าม ฝังระเบิด ไว้มากมาย          ต้องบาดเจ็บ ล้มตาย ไปหลายคน

   "เรื่องบ้านซับตารีแจกยังไม่จบนะครับ"    โปรดติดตามตอนต่อไป
  จะตื่นเต้นและเป็นที่น่าสะพรึงกลัวขนาดไหน

          เป็นธรรมเนียมของหมู่บ้านแสลง ที่จะมีการจัดงานฉลองที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ต.แสลง ซึ่งในปีนี้ ได้มีการจัดงานในช่วงค่ำคืนวันที่ 6 เมษายน 2554 มีชาวบ้านหลายคนมาร่วมสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ มีดนตรี คาราโอเกะ อาหารเครื่องดื่มสำหรับชาวหมู่บ้านแสลง ได้มาร่วมสังสรรค์อย่างเป็นกันเอง

         และในงานนี้ สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ได้มาร่วมงานนี้ด้วย ในฐานะเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง และได้ถูกพี่น้องในหมู่บ้านได้เชื้อเชิญออกมาร่วมสนุกกัน ทั้งร้องเพลงและเต้น ซึ่งสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ได้ร่วมร้องและเต้นกับลูกหลานอย่างเป็นกันเอง นี่คือ วิดีโอบรรยากาศในช่วงเวลาแห่งความสนุกสนาน กับลีลาการเต้นของสุเวศน์ ภู่ระหงษ์กับลูกๆหลานๆ กับลีลาสุดเหวี่ยง...

    ข่าวสภาองค์กรชุมชน จังหวัดจันทบุรี

            ต้นกล้าอาชีพ ให้มากกว่า อาชีพ            ใครจะหนีบ    อะไร เราไม่ว่า
           มันมีผล ต่อการจัด  ตั้งสภาฯ                    อย่าเถียงนะ ถ้าจะบอกว่าไม่จริง
            อย่าคิดแทน ชาวบ้าน จะดีกว่า               เป็นโอกาสของประชาที่ดียิ่ง
            คนรากหญ้า รากฐาน ได้พึ่งพิง              ไม่ต้องวิ่ง แบกหน้า ไปหางาน
             วิถีแบบ ไทยๆ จะกลับมา                      ผืนดินไทย นั้นมีค่า มหาศาล
              ปรับความคิด ค่านิยม ไม่เลือกงาน      คนขยัน มีหรือ จะยากจน
            งบประมาณเพียงน้อยนิดสร้างชาติ       คนจนได้รวมญาติ ให้เกิดผล
         ตั้งกลุ่ม วิสาหกิจ ชุมชน                           เพื่อเป็นการเริ่มต้น พึ่งตนได้
         ใ้ช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นหลัก                   หาได้จากชุมชน นำมาใช้
           ซึ่งเป็นทุนทางสังคม อีกมากมาย          ที่เรามองข้ามไป เสียเนิ่นนาน
        ได้ข่าวว่า รัฐฯ จะเลิกล้ม                         คนท้องถิ่น ต้องอกตรม เคยฝันหวาน
        ใช้้เหตุผลเศรษฐกิจ แ่ต่ัวันวาน                มันย่ำแย่ถึงขั้น ต้องแก้ไข
            คือจัดอบรม ต้นกล้าอาชีพ                  และได้หยิบหลักพอเพียง มาใช้
          ชุมชนคนท้องถิ่น ดีใจ                           คนตกงาน บัณฑิตใหม่ พบช่องทาง
         เศรษฐกิจตอนนี้ ว่าดีขึ้น                            พอจะยืนหยัดได้ อะไรบ้าง
       อย่าสรุปกันง่ายๆ เดี๋ยวจะพัง                 ฟังกันบ้างก็จะดี อย่าติกิน

          เมื่อช่วงบ่ายวันอังคารที่ 5 เมษายน 2554 ตัวแทนสภาองค์กรชุมชนจากตำบลต่างๆในจังหวัด จันทบุรีกว่า 53 องค์กร ได้มาร่วมประชุมที่ ศตจ.ปชช. จันทบุรี มีการหารือหลายประเด็น นี่คือ ภาพบรรยากาศหลายมุมในวันนั้น




         เสื้อของ ศตจ.ปชช.จันทบุรี

         น้ำยาล้างจานขวดละ 10 บาท ผลิตภัณฑ์ของชุมชนที่ผลิตได้เอง


          บรรยากาศทั่วไปในการประชุม

           นอกจากบทบาทการเป็นศิลปิน, นักแต่งเพลงแล้ว สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ยังทำหน้าที่ด้านสื่อสารมวลชน เป็นผู้จัดรายการวิทยุทาง สวท.จันทบุรี ทุกวันอาทิตย์ เวลา 17.00-18.00 น. และยังเขียนคอลัมภ์ลงใน นสพ.สถาบันสื่อภาคประชาชน อีกด้วย โดยมักจะเขียนเป็นบทกวี บอกเล่าเรื่องราวต่างๆอย่างน่าสนใจ นี่คือ บางส่วนของผลงานเขียนในหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว และขอนำหนังสือพิมพ์ สถาบันสื่อภาคประชาชน มาให้ได้อ่านกันด้วย

"พระปกเกล้าชาวสยามของไทย
พระองค์ทรงให้ อำนาจประชาชน
อธิปไตยเป็นของคนไทยทุกคน
มิใช่ส่วนตนหรือกลุ่มชมหมู่ใด"



      เป็นความตั้งใจของสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ในการเขียนเพลง "พระปกเกล้า" เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และความตั้งใจในการผลิตมิวสิควิดีโอคาราโอเกะ โดยการนำสารคดีและภาพนิ่ง เกี่ยวกับรัชกาลที่ 7 มาประกอบกับมิวสิควิดีโอบทเพลงนี้ด้วย หลายภาพหาชมได้ยากพอสมควร แต่ได้รวบรวมไว้ในมิวสิควิดีโอคาราโอเกะในบทเพลงนี้แล้ว

เพลงน้ำท่วมเมืองจันท์




    น้ำท่วมเมืองจันท์เป็นเหตุการณ์บ้านเรา
ปีสองห้า สี่เก้า รุนแรงเท่าเท่ากับปีสี่สอง
บันทึกเหตุการณ์ เป็นตำนานไว้เพียงบางตอน
พี่น้องชาวจันท์เดือดร้อน ที่กินที่นอนไม่มี


    วันออกพรรษา หลายคนไม่มาทำบุญ
เพราะชีวิตมัววุ่น น้ำท่วมมาพาของหนี




            เมื่อเหตุการณ์หนึ่งๆผ่านไป การย้อนกลับมาค้นหาข้อมูลของเหตุการณ์นั้น หลายครั้ง หาข้อมูลที่ต้องการยาก เพราะหลายคนบันทึกข้อมูลในสิ่งที่ไม่ใช่ใจความสำคัญ แต่เมื่อมีผู้สนใจ ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วมเมืองจันท์ ในปี 2549 เพียงแค่การฟังเพลง "น้ำท่วมเมืองจันท์" จากผลงานเพลงของ สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ เท่านั้น ทำให้ทราบข้อมูลหลักของเหตุการณ์สำคัญในครั้งนั้น ว่าเกิดในช่วงเวลาวันออกพรรษา เกิดเหตุการณ์แบบไหนอย่างไร เนื้อเพลงได้บรรยายใจความหลักๆเอาไว้ ฟังเพลงในเวลาไม่กี่นาที ได้ข้อมูลหลักครบถ้วน


            ผลงานเพลงนี้ ได้นำภาพข่าวมาประกอบมิวสิควิดีโอคาราโอเกะ และมอบให้ "สุริยา สายธนู" เป็นผู้ขับร้องเพลงนี้

           การทำงานตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาของสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ผ่านประสบการณ์การทำงานหลายแบบ  แต่ยังไม่ได้มีการรวบรวมข้อมูล ผลงานต่างๆเก็บไว้ แต่ในช่วงที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนสมัครสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทางทีมงานได้ทำการรวบรวมข้อมูล มาจัดทำเป็นเอกสารฉบับนี้ไว้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สุเวศน์ ภู่ระหงษ์เก็บไว้จนถึงปัจจุบัน

            นี่คือ หนังสือรวบรวมประวัติและผลงานในครั้งนั้น นำมาให้ผู้สนใจได้ชมกัน