Powered by Blogger.
RSS

สัมผัสชีวิต ผลงาน ความคิด ของสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ที่จันทบุรี 15-17 ส.ค.2553

      (คัดลอกมาจาก บ้านกลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน)

          ชีพจรลงเท้าอีกครั้ง เมื่อต้องไปสมทบกับคุณไก่ แมลงสาบ เพื่อไปร่วมเวทีคัดค้านการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมถลุงเหล็กที่จันทบุรี ตอนบ่ายวันที่ 16 ส.ค.2553  จึงออกเดินทางช่วงเย็นวันที่ 15 ส.ค. จากโคราชมีรถมาที่จันทบุรีโดยตรง เป็นรถของบริษัทวิศวกรเสนา ช่วงเย็นมีเที่ยว 18.00 น., 21.00 น., 01.00 น., 03.00 น., 05.00 น. ระยะเวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง ใช้เส้นทางโคราช-ปักธงชัย-วังน้ำเขียว-กบินทร์บุรี-สระแก้ว-วังน้ำเย็น - โป่งน้ำร้อน - จันทบุรี ระยะทาง 330 กม. เลยซื้อตั๋วไปเที่ยว 01.00 น. เพื่อไปถึงจันทบุรีตอนเช้า ค่ารถ 266 บาท เป็นรถ ป.1 รถออกตามเวลา ถึงสระแก้วตอนตี 3 และถึง บขส.จันทบุรีตอน 6.45 น.


            นั่งพักอยู่ครู่ใหญ่ จึงโทรศัพท์ไปหาคุณไก่ แมลงสาบ ดูเวลาแล้วคาดว่า น่าจะตื่นแล้ว โทรไปสักพัก คุณไก่ก็บอกว่าเดี๋ยวออกไปรับ อึดใจใหญ่ก็ขับเก๋สีแดงของคุณซันซึ่งตอนนี้ติดแก๊สแล้ว มาจอดตรงทางเข้า บขส. แล้วขับเข้าไปในตัวเมือง คุณไก่บอกว่า มาอยู่ที่จันทบุรี ขึ้นเวทีรับงานที่นี่ 3 วันแล้ว เมื่อคืนพึ่งเล่นในงานมหกรรมสุขภาวะดีวิถีคนจันท์ เลยได้อยู่จันทบุรียาวจาก 11-16 ส.ค. ขึ้นเล่นดนตรีกับลุงสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ บ้านของคุณลุงอยู่ที่นี่  เดี๋ยวไปบ้านลุงสุเวศน์กันเลย



            นายบอนรู้จักลุงสุ เวศน์ครั้งแรก เห็นจากทีวีช่องอีสาน ในรายการบ้านศิลปิน   ที่มาร้องเพลงในรายการกับไก่ แมลงสาบ แล้วเคยเห็นบนเวทีพันธมิตรหนึ่งครั้ง และได้ฟังผลงานเพลงชุดเกษตรโยธินชุด 1 และ 2 ของศิลปินคู่หูคู่ซี้ดนตรีที่อิสระ สุเวศน์+  ไก่  คุณไก่ เล่าเรื่องลุงสุเวศน์ให้ฟังอยู่บ้าง ว่าลุงสุเวศน์สนใจพระเครื่อง เคยเอาพระไปให้เข้ากรอบ  ทำงานเพลงร่วมกันยังไงบ้าง แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่จะได้เจอตัวจริงของ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์"






            คุณไก่ ขับรถไปตามถนน ผ่านย่านตัวเมืองเก่าจันทบุรี ขับออกนอกเขตเทศบาล มาถึงถนนสุขุมวิท แยกแสลง ( แสลง อ.เมืองจันทบุรี จันทบุรี  ) ขับไปเรื่อยๆ เข้าหมู่บ้าน มาถึงบ้านหลังหนึ่ง ต้นไม้ร่มครึ้ม เห็นไกลๆแว๊บแรก ใช่เลย ลุงสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ถือกีตาร์นั่งอยู่ที่โต๊ะในบริเวณบ้าน เดินลงจากรถเข้าไปสวัสดี ลุงสุเวศน์ต้อนรับด้วยอัธยาศัยอันดี บอกให้ทำตัวตามสบาย คุณไก่ เอาตะกร้าผลไม้มาวางใกล้ๆ บอก หยิบกินได้เลย เอาเปลือกทิ้งลงตะกร้านี่แหละ


            รอบๆตัวบ้าน ปลูกต้นไม้เยอะ กินได้หลายอย่าง ตัวบ้าน ลุงสุเวศน์ก็ลงมือต่อเติม ทำเองหลายอย่าง เพื่อความพอใจจะทำให้ตรงกับที่ต้องการจริงๆ บนผนังตรงที่ลุงสุเวศน์นั่งอยู่ มีแผ่นที่เขียนบทกวีด้วยลายมือแผ่นใหญ่ มีเนื้อเพลง มีกีตาร์วางอยู่ ลุงสุเวศน์บอกว่า  กำลังซ้อมเล่นกีตาร์  พอคุณไก่บอกว่า นายบอนยังไม่ได้กินข้าวเช้า ลุงสุเวศน์ก็เลยชวนทานข้าวด้วยกันเลย ขนน้ำพริกหลายถ้วย ครบรส ผัก ปลา เนื้อ สารพัด นั่งกินข้าวกัน 3 คนตอนนั้นเลย


            ทานข้าวเสร็จ 2 ศิลปินคู่หูคู่ซี้ ก็ช่วยกันแต่งเพลงที่จะนำไปร้องในช่วงบ่าย ที่ อ.แหลมสิงห์ จันทบุรี แต่งกันสดๆในตอนนั้น มีเอกสาร- ข้อมูลวางข้างๆ ลุงสุเวศน์ได้เขียนบทกวี ลงในเอกสารจดหมายข่าวแล้วหลายฉบับ มีผลงานเผยแพร่ทางอินเตอร์เนตด้วย นายบอนเลยจดที่อยู่เวบไซต์นั้นไว้


            ศูนย์ขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงภาคประชาชน จ.จันทบุรี
            ศูนย์ต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนภาคประชาชนจังหวัดจันทบุรี (ชื่อในเวบ ศตจ.ปปช. จันทบุรี)
                  " ทุกปัญหาเราจะสู้ เคียงคู่ประชาชน"
            http://www.stj-public-chanthaburi.com/
                  

            suwet musician




            ลุงสุเวศน์บอกว่า เป็นวิทยากร หลายที่ พอจะจดข้อมูลใส่สมุด ลุงสุเวศน์ก็เลยหยิบแผ่นกระดาษที่มีข้อมูล การศึกษา ประวัติ ผลงานมาให้นายบอนซะเลย แล้วหยิบแผ่นซีดีชุด พระภูมิพล ผลงานเพลงเทิดพระเกียรติ ที่ได้รับโล่ศิลปินดีเด่นจากสภาวัฒนธรรมมาให้อีกด้วย


            suwet musician




            ข้อมูล ประวัติ และผลงานของ สุเวศน์ ภู่ระหงษ์

             suwet musician

          

            วันที่เกิด 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2487
            สถานที่เกิด ต.น้ำเต้า อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา
            ที่อยู่ปัจจุบัน 6/1 หมู่ 2 ต.แสลง อ.เมือง จ.จันทบุรี 22000

            การศึกษา  - ชั้นประถมปีที่ 4 โรงเรียนวัดน้ำเต้า อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา
                        - มัธยมปลาย จาก ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) อ.เมือง จ.จันทบุรี
                        - จบการอบรม วิทยากรกระบวนการ จาก สถาบันพัฒนาประชากร และสังคม CIVICNET

            ประวัติการทำงาน
                        -  ประธานสภาวัฒนธรรม ต.แสลง อ.เมือง จ.จันทบุรี
                        - อดีตประธานสหพันธ์วิทยุชุมชน ภาคตะวันออก ปี 2546
                        - ประธานวิทยุชุมชน จังหวัดจันทบุรี ปี 2545 - ปัจจุบัน
                        - รองประธานศิลปินพื้นบ้าน จังหวัดจันทบุรี
                        - กรรมการศูนย์ต่อสู้เอาชนะความยากจนภาคประชาชน จังหวัดจันทบุรี ฝ่ายสื่อ- วัฒนธรรม
                        - วิทยากร กองทุนหมู่บ้าน / การเมืองภาคพลเมือง / เอาชนะยาเสพติดอย่างยั่งยืน ปปส.

            ผลงาน    - ประพันธ์เพลง พระภูมิพล
                                              คืนชีวิตให้แผ่นดิน
                        - ร่วมประพันธ์เพลง "ชุดม้าก้านกล้วย" ชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2
                        - ร่วมประพันธ์เพลงรณรงค์รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ให้กับสำนักนายก

            ปัจจุบัน   - ทำวงดนตรีเพื่อชีวิต วง "คู่หูคู่ซี้ดนตรีที่อิสระ" ร่วมกับ คุณวัลลพ พลเสน (ไก่ แมลงสาบ)
           
            เกียรติประวัติ
                        - ปี 2544 ได้รับโล่ ศิลปินดีเด่น จังหวัดจันทบุรี สาขาการแสดงขับร้อง และประพันธ์เพลง จากสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ (ในผลงานเพลงชุดเทิดพระเกียรติ พระภูมิพล)
                        - ปี 2547 ได้รับโล่พระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  จากมิวสิคเพลง "คืนชีวิตให้แผ่นดิน"
                        - ปี 2552 ร่วมผลิตผลงานเพลง "ชุดเกษตรโยธิน" ร่วมกับคุณวัลลพ พลเสน และนำมาสเตอร์เพลง "ชุดเกษตรโยธิน" ถวายแด่ สเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 19 ต.ค.2552 ณ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี



                ++++++


            หลังจากทั้งคู่ช่วยกันแต่งเพลง "ตัดไฟแต่ต้นลม" จนเสร็จ คุณไก่ ก็ขอตัวออกไปที่พักในเมือง นายบอนรออยู่ที่บ้านลุงสุเวศน์ ท่านก็ได้เล่าเรื่องต่างๆให้ฟังหลายเรื่อง คุยเรื่องเพลงที่เขียน แล้วก็หยิบเนื้อเพลงเอามาร้องให้ฟังสดๆ โอกาสแบบนี้ หายาก เลยหยิบกล้องวิดีโอ บันทึกไว้ ลุงสุเวศน์เล่าถึงที่มาของการเขียนเพลงพลังใจ แล้วร้องให้ฟังแบบสดๆ


             * สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ กับ 3 บทเพลงที่ร้องให้ฟังที่บ้านกร-เพลง ที่ ต.แสลงพันธุ์ อ.เมือง จ.จันทบุรี เมื่อ 16 ส.ค.2553  คือ 1.พลังใจ 2. พลังชุมชน  3. สุเวศน์เอ๋ยปลงรึยัง พร้อมกับเล่าเกร็ดที่มาของการแต่งเพลงแต่ละเพลงอีกด้วย




  
            เพลงพลังใจ เพลงที่เขียนเพื่อช่วยให้เกิดความรู้สึกด้านบวกกับทุกๆคน

            เนื้อร้อง- เพลงพลังใจ
            "ช่วยเป็นกำลังใจ มอบใจให้แก่กัน ผูกใจให้สัมพันธ์
            รักกันตลอดไป จะไม่หนีไปไหน ร่วมใจไปด้วยกัน

            จะเดินบนเส้นทาง สรรสร้างในสิ่งดี จะนานซักกี่ปี
            เรานี้จะร่วมกัน ร่วมกันคิดร่วมกันฝัน ให้วันเป็นของเรา

            หากขาดกำลังใจ แม้ใครเพียงสักคน พวกเราจะนำคน
            ช่วยกันช่วยแบ่งเบา จะเติม เติมให้กับเขา แม้เราจะเหนื่อยล้า

            พวกเราจะก้าวไป ก้าวไปบนเส้นทาง ที่ใจมีพลัง
            แม้ทางจะสุดตา จะเรียกร้องจะมองหา หาความยุติธรรม

            จับมือกันหรือยัง  สัญญากันให้ดี ห่วงใยกันซักที
            วลีที่กล่าวนำ จะจารึกและจดจำ น้ำคำที่เอ่ยมา"


            ฟังลุงสุเวศน์ร้องสดๆแล้ว เกิดความรู้สึกที่อบอุ่น จริงใจ แม้จะเล่นดนตรีให้จังหวะอย่างง่ายๆ แต่ความหมายอบอุ่น จริงใจเหลือเกิน


            ต่อเนื่องกับเพลง พลังชุมชน  ซึ่งเป็นเพลงที่แต่งขึ้นสดๆ เมื่อเพลงที่มีคนแต่งมา ใช้ไม่ได้  อย่างที่คุณลุงเล่าในวิดีโอ เลยต้องแต่งเพลงนี้ขึ้น

            เนื้อร้องดังนี้           

            " พลังชุมชน พลังของแผ่นดิน  
            ปกป้องท้องถิ่น แผ่นดินที่เป็นของไทย
            ข้าคือเจ้าของ กู่ร้องให้มันก้องไกล
            ใครจะมาหยิบเอาไป เรายอมไม่ได้แน่นอน

            กู่ร้องก้องดัง ให้ฟังกันทั่วไทย
            สิทธิเสรี อยู่ไหน เปิดใจให้เห็นกันก่อน
            แม้คลื่นความถี่จะมีกันซักกี่ตอน
            ทั้งที่ชุมชนเดือดร้อน.... กันอยู่ร่ำไป

            สงสารคนจน เป็นคนบ้านนอกคอกนา
            ไม่มีแม้แต่เวลา ที่จะมาแบ่งสรรปันให้
            ถูกกีด ถูกกัน โธ่เอ๋ย ไม่มีน้ำใจ............"


            และมาถึงเพลง "สุเวศน์เอ๋ยปลงรึยัง" เพลงที่ลุงสุเวศน์ แต่งในขณะที่รอคุณไก่ แมลงสาบ ที่โรงแรมเจริญรัตน์ ชลบุรี รอนานกว่าชั่วโมงแล้ว ไม่มาสักที ระหว่างที่ยืนรอที่ตู้โทรศัพท์ ก็แต่งเพลงนี้ออกมา

           
            "สุเวศน์เอ๋ย สุเวศน์เอ๋ย  สุเวศน์เอ๋ย  สุเวศน์เอ๋ย  ปลงรึยัง
        ร้องเพลงมาตั้งแต่หนุ่มยันแก่  ร้องจนย่ำแย่ละก็ไม่เห็นจะดัง
            ขึ้นรถลงเรือไปเหนือล่องใต้  ไปไหนก็ไปเพราะอยากจะดัง
        บางครั้ง ท้องหิว ใส้กิ่วหัวโต    โซซัดเซโซ โถอนิจจัง...."
      

            นั่นคือ เนื้อร้องบางส่วน เข้าไปฟังในวิดีโอแบบเต็มๆ จะเข้าใจถึง ชีวิตของศิลปินคนนี้ในช่วงเวลาที่แต่งเพลง แถมยังแฝงปรัชญาชีวิตที่ค้นพบ







            เพลง อยู่ดีวิถีไทย ในวิดีโอนี้
            " อยู่ดีกินดี นำวิถีแบบไทยไทย ปู่ย่าตายายสอนเราไว้แต่นมนาน
            เครื่องบ้าน อาหารไทย สืบสานไว้เถิดลูกหลาน
            เรียบง่ายไม่ฟุ้งซ่าน มาตรฐานคนไทย

            คิดดีทำดี อยู่อย่างคนมีน้ำใจ คนดีคิดแก้ไข ไม่ทำร้ายใจเบิกบาน
            สังคมจะดีได้ เรื่องน้ำใจซิสำคัญ มุ่งหมายใจประสาน เผื่อแผ่กันเถิดคนไทย

            รักษาขวานทอง อย่าให้ต้องบุบสลาย
            นำชาติสู่เส้นชัย ด้วยหัวใจไทยทั้งผอง
            เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน เพื่อทรัพย์สินแผ่นดินทอง
            เหนือใต้อีสานพี่น้อง ตก ออก ต้องปรองดองกัน"                       







            เพลงปี ๒๔๗๕ ไทยได้ประชาธิปไตย

            "ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า ปี๒๔๗๕ ไทยได้ประชาธิปไตย
            พระปกเกล้าทรงประทาน ให้คนไทย ๗๘ปีผ่านไป สำนึกคนไทยไฉนกัน
           
            ประวัติศาสตร์ อาจให้เรารู้ได้  เรื่องประชาธิปไตย หดหายหรือเบ่งบาน
            หนทางแม้ยาวไกล ก้าวไปเพื่อค้นหา สันติภาพนำสู่ประชา
            เพื่อวันข้างหน้า เพื่อลูกหลานไทย
           
            ประวัติศาตร์ก็คือตำราเล่มหนึ่ง อ่านให้ลึกซึ้ง จิตเป็นกลางไม่ว่าข้างไหน
            เคารพความคิดที่ต่างจิตต่างใจ ร่วมสร้างประชาธิปไตยให้สดใสในขวานทอง"

            การเขียนเพลงของลุงสุเวศน์ ไม่ได้เขียนเพื่อขาย แต่เป็นการเขียนเพื่อบันทึกเรื่องราวเอาไว้


            เพลง เด็กเอ๋ย เด็กน้อย ...เพลงนี้ ลุงสุเวศน์บอกว่า นำไปใช้ร้องตอนเป็นวิทยากร อบรมเด็กนักเรียนชั้น ป.1 - ป.5 ทำเอาเด็กๆร้องไห้น้ำตาไหล และลุงสุเวศน์ ยังมีแนวคิดที่จะขยายผลต่อไป โดยจะทำงานเพื่อสร้างสำนึก เพื่อให้สังคมดีขึ้น ซึ่งคงได้ฟังแนวคิดดีๆ จากในวิดีโอ


            หลังจากเล่าถึงบทเพลงนี้แล้ว ลุงสุเวศน์เล่าเรื่อง การสอนให้คนร้องเพลง ถ้าจะร้องเพลงให้ดีต้องร้องเสภาให้เป็น ว่าแล้ว ลุงสุเวศน์ก็ร้องเสภา บูชาครูให้ฟัง หลังจากเพลง เด็กเอ๋ย เด็กน้อย

            ".เอย................... สิบนิ้วน้อมพนม ก้มเกศา
            กราบเท้าพระครูบา ท่านทั้งหลาย  ผู้ประสิทธิ์วิชาศิลปะไทย
            ทั้งสืบทอด ทำนองไทย กลเม็ดเด็ดพรายให้พร้อมสรรพ
            ส่งและรับลีลา ให้แตกฉาน  ศิษย์รำลึกถึงพระคุณ ครูอาจารย์
            ก่อนที่จะเริ่มงาน..การแสดง.."


            ลุงสุเวศน์ ร้องเสภา ได้ไพเราะมากๆ  แล้วแนะนำ การใช้เสียงร้องที่มีชีวิตชีวา กับคำ "เจ้านกน้อย" ร้องสดๆ ระหว่าง การร้องเพลงธรรมดา เทียบกับการ ร้องเสภา ซึ่งให้ความรู้สึกที่มีชีวิตชีวามากกว่า..เรียกว่า สอนกันสดๆ ผ่านวิดีโอนี้กันเลย


            เดิม ลุงสุเวศน์ เป็นคนอยุธยา ได้พื้นฐานการขับร้องเพลง และแต่งเพลงมาจากที่นั่น ช่วงหนึ่งของชีวิต ได้ทำวงดนตรีลูกทุ่ง แต่เมื่อ 9 สค.2513 ก็ย้ายมาอยู่ที่จันทบุรี ซึ่งลุงสุเวศน์เล่าให้ฟังในวิดีโออย่างสนุกมากๆ

            ช่วงที่เรียน กศน. หลายวิชา ครูผู้สอนให้ ลุงสุเวศน์ขึ้นบรรยายแทน มี คำถามว่า ลุงสุเวศน์ ทำไมถึงเขียนกลอนเร็ว ตรงประเด็นมากๆ มีการเตรียมตัวยังไงซึ่งลุงสุเวศน์ ตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่หลายคนทึ่ง อย่างที่ได้ยินในวิดีโอ  เรื่องการทำงานเพลง ในอัลบั้มชุด วิทยุชุมชน เมื่อคิดประเด็นได้ ลุงสุเวศน์แต่งเพลงทั้งอัลบั้ม (10 เพลง) ใช้เวลา 3 ชั่วโมง เสร็จทั้งอัลบั้ม ซึ่งถ้าดูเนื้อเพลงที่ผ่านมา บางเพลง ไม่น่าจะแต่งออกมาได้ เพราะมีคำยาก สำหรับการเป็นคำสัมผัสในเนื้อเพลง แต่ลุงุเวศน์บอกว่า "ต้องแต่งให้ได้ ยิ่งถ้าเป็นชื่อสถานที่ ถึงคำนั้นจะไม่สัมผัสในกลอนแปด หาคำเชื่อมยาก เชื่อมสัมผัสไม่ได้ ก็ต้องพยายามแต่ง จะหนีคำนั้นไม่ได้ ถ้าหนีก็จะต้องหนีตลอดชีวิต"




           มาถึงวิดีโอช่วงนี้ ลุงสุเวศน์จะเล่าประสบการณ์ชีวิต เกร็ดความรู้จากประสบการณ์ต่างๆ

            - เล่าเรื่องตอนเปิดมหาวิทยาลัยชีวิต เข้าไปสมัครเรียน เพื่อจะได้รู้จักการถ่ายทอดความรู้อย่างเป็นระบบ พอเข้าไป ยังไม่ทันได้เรียน บรรดาครูอาจารย์เห็น ก็บอกว่าได้อาจารย์อีกคนแล้ว ให้เป็นอาจารย์สอนด้านวัฒนธรรม
            - รู้แต่ความรู้ไม่เป็นระบบ ลุงสุเวศน์เลยคิดจะไปเรียน
            - ให้คาถาที่จะทำให้เรียนเก่ง
            - นักศึกษาปริญญาโทนิเทศศาสตร์ ทำเพลงออกมา 1 อัลบั้ม ใช้งบประมาณเท่าไหร่
            - คำแนะนำ อย่าเขียนคำง่ายๆให้เป็นกวี แต่เพลงควรต้องเป็นกวี


            ว่าแล้ว ลุงสุเวศน์ ก็หยิบยก บทกวีที่แต่งให้กับ  ชาว จ.ตราด ที่มี ตัว "ต" ที่ดูคล้ายกับ จะเขียนยาก แต่งยาก ลุงสุเวศน์ เลยเขียนบทกวีออกมาซะเลย ขอหยิบยกจากในวิดีโอออกมาบันทึกไว้ ดังนี้

                ....พี่น้องเมืองตราดโปรดฟังผมต่อ
            เมืองตราดเจอตอ จะต่อต้านไหม
            ไอ้ตอที่ว่า ฟังแล้วน่าตกใจ
            มันเป็นตอตาย โหดร้ายจริงๆ

                เรามีศาสตรา คือกีตาร์ต่อต้าน
            ไม่ใช่ตอตาล เป็นแค่หญ้าต้อยติ่ง
            คนตราด สู้ตาย ทั้งชายและหญิง
            คนตราด คนจริง ไม่ทอดทิ้งกัน
                เรามิใช่ตื่นตูม เรามิใช่ ตุ่มแตก
            คนตราด ขอแลก คนตราดขอห้าม
            ไตร่ตรองเตรียมตัว แล้วจะติดตาม
            ตักเตือน อย่าทำ นำไฟฟ้านิวเคลียร์

                เข้ามาเมืองตราด เรามิอาจรับได้
            เตือนเป็นครั้งสุดท้าย ถอยไป หยุดเสีย
            คนตราด ไม่เอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
            จะต่ำต้อยต่ำเตี้ย เราก็จะไล่ตำ
                ออกไป ออกไป ออกไป ไอ้ตู้
            เพราะเอ็งก็รู้อยู่ อย่ามาตู้ตาต่ำ
            สิ่งที่เป็นพิษภัยจำไว้ อย่าทำ
            ตักเตือน ตอกย้ำ นำนิวเคลียร์ออกไป
            (สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ : ประพันธ์)

                หลังจากพูดถึงบทกวีนี้ให้ฟังแล้ว ลุงสุเวศน์ก็พูดถึง

            - สอนวิธีเขียนเพลง การปูทาง นำทางเข้าสู่เนื้อหา และการใช้คำ
            - เล่าเรื่องนักปราชญ์นักพูด ที่มีคนมาขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ แต่ไม่รับ คนนั้นเลยติดตามไปทุกจังหวัด จนในที่สุด หยิบยกคำสอนที่มีคุณค่าที่สุดในการแสวงหาความรู้ (ฟังกันชัดๆในวิดีโอ)
            - "เห็นเขียนบทกลอนเก่ง อยากเก่ง ก็ต้องหาคนเขียนกลอนเก่ง แล้วต้องไปหาอีก ถ้ามีความตั้งใจสูง จะพบกับความสำเร็จทุกคน"
            -  ทุนที่สำคัญที่สุด คือ ทุนที่สมองกับหัวใจ
            - ถ้ามีใครบอกว่า เริ่มต้นที่ศูนย์ นั่นคือ คนที่โง่ที่สุดในโลก ความจริง ไม่ใช่หมายถึงงบประมาณนะ ยกตัวอย่างถ้าอยากเป็นนักจัดรายการวิทยุ คุณมีวิทยุฟังทุกวันเลย เธอฟังกรมประชาสัมพันธ์สิ รู้ใช่มั้ยว่า ใบอนุญาติต้องออกมาจากกรมประชาสัมพันธ์ เธอฟังเค้าพูด เพราะคนเหล่านั้น เป็นคนที่ได้รับใบอนุญาติทุกคน แล้วก้เริ่มพูดตามเค้า....วันนี้เวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปที่.......   จำคำพูดเค้า วรรคตรงไหนอย่างไร เสียงหนักเบายังไง เอาเทปแกะคำพูดแล้วก็อ่านตามเค้า พูดถึงพระเทพยังไง องค์ไหนยังไง เอามาหมด ต้องทำอย่างนั้น ถ้าสนใจศึกษาค้นคว้า...


            หลังจากพูดมาถึงตรงนี้ ก็ใกล้จะถึงเวลา 12.00 น. ลุงสุเวศน์เลยให้นายบอนไปอาบน้ำ หาผ้าขาวม้ามาให้ และให้คุณแม่บ้าน (คุณกร) ไปซื้อกาแฟเย็น โอเลี้ยงมา 2 กระติก ราวเที่ยงครึ่ง คุณไก่ก็กลับเข้ามา คุณซันตามมาด้วย พอจอดรถแล้วก็ขนถุงเสื้อผ้าที่ซื้อมาลงจากรถ คุณซันซื้อเสื้อผ้าจะเอาไปขายในร้าน บ้านศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน แต่ทว่าช่วงนี้เดินสายรับงานตลอด ตั้งแต่เจอกันครั้งก่อนเมื่อ 2 ส.ค.2553 คุณซันกะคุณไก่ ยังไม่ได้กลับบ้านที่พัทยาเลย จาก กทม.ไปงานที่สระบุรี- เชียงราย- ตราด - จันทบุรีจนถึงวันนี้ แต่หลังจากเสร็จงานที่เวที อ.แหลมสิงห์ จะกลับไปนอนที่พัทยา ก่อนจะเดินทางไปที่พิษณุโลกต่อไป


            เหตุการณ์หลังจากนั้น
            - แวะไปที่ห้องอัดเสียงของคุณธนกร ศรีวรนันท์ ไปเอาสปอร์ตแนะนำตัว และฟังเพลงหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น ที่แต่งขึ้น
            - ขึ้นเวที แสดงดนตรี ร่วมคัดค้านการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมถลุงเหล็ก ที่ อบต.หนองชิ่ม อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี


            เวทีเลิกตอน 2 ทุ่ม ก่อน จะออกจากบริเวณงาน คุณลุงสุเวศน์ และคุณไก่ ได้มีโอกาสพูดคุยทักทายกับ นายก อบต.หนองชิ่ม และลุงสุเวศน์ได้มอบซีดี ชุด พระภูมิพล ให้นายก อบต.ไว้ด้วย หลังจากนั้น คุณไก่ ก็พาทีมงานไปแวะกินก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารมื้อเย็น ที่ร้านแถวสี่แยกสำนักงานเทศบาลตำบลพลิ้ว ก่อนที่จะแยกย้ายกับนักดนตรีที่นั้น แล้วแวะมาที่บ้านลุงสุเวศน์ เก็บกระเป๋าแล้ว เดินทางกลับมาพัทยา ถึงตอนตี  1

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment