ครั้งหนึ่งเกิดเหตุการณ์รถชนกันในหมู่บ้าน เมื่อรถจักรยานชนกับรถมอเตอร์ไซต์ มีคนเจ็บนอนอยู่กลางถนน ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เริ่มเข้ามามุงดูสิ่งที่เิกิดขึ้น "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" เห็นเหตุการณ์เช่นกัน จึงรีบเข้ามาช่วยเหลือ โดยขอให้เคลื่อนย้ายคนเจ็บออกมาไว้ที่ริมถนน
"อย่าเคลื่อนย้ายคนเจ็บนะ" มีใครคนหนึ่งตะโกนบอก
"สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" บอกว่า จะให้ช่วยเหลือคนเจ็บอยู่ตรงกลางถนน ในขณะที่รถวิ่งผ่านไปมา มันเสี่ยงเกินไป แล้วจึงขอให้ช่วยกันย้ายคนเจ็บมาไว้ที่ริมถนน ซึ่งปลอดภัยมากขึ้น เมื่อเข้ามาดูคนเจ็บคนหนึ่ง พบว่า เขาคนนั้นหยุดหายใจไปแล้ว
"สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" นึกถึงสิ่งที่เคยดูในทีวี การช่วยเหลือคนที่หยุดหายใจให้ฟื้นขึ้นมา จึงลองทำตามที่เคยเห็นจากทีวี โดยการปั้มหัวใจ ประสานมือแล้วกดลงไปบริเวณหน้าอกของคนเจ็บ แต่กดลงไปแล้ว แข็งมาก กดยังไงก็กดไม่ลง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงพยายามอีกครั้ง โดยเลื่อนตำแหน่งที่กด ต่ำลงมาอีกนิด คราวนี้กดลงได้ หน้าอกยุบลง ปั้มอีกสองถึงสามครั้ง คนเจ็บเริ่มหายใจแล้ว
"สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" บอกให้คนที่มุงอยู่ ช่วยไปตามหมออนามัยให้มาดูคนเจ็บโดยเร็ว สักพักหนึ่ง หมออนามัยก็มาถึงจุดเกิดเหตุ แต่ก็มาแต่ตัว ไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือ อุปกรณ์ทำแผล ไม่มียาติดมาด้วย หมออนามัยจึงถูก "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" ต่อว่าทันที
"รู้ว่ามีคนเจ็บ ทำไมไม่เอายา เอาอุปกรณ์ทำแผลมาด้วยล่ะ หมอ"
เ่มื่ือหมออนามัยได้สติ จึงรีบวิ่งไปซื้ออุปกรณ์ทำแผลแถวๆนั้นมาช่วยเหลือคนเจ็บ เมื่อมีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเพื่อนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" และชาวบ้านส่วนหนึ่งช่วยกันนำคนเจ็บขึ้นรถ
"..เอาผมไปด้วย ผมก็เจ็บเหมือนกัน" คนเจ็บอีกคนหนึ่งร้องบอก เมื่อ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" ได้ยินดังนั้น ก็ช่วยพาคนเจ็บอีกคนขึ้นรถส่งโรงพยาบาลไปด้วย ถือว่าเสร็จจากหน้าที่ของพลเมืองดีไปแล้ว
ในระหว่างการช่วยนำคนเจ็บขึ้นรถส่งโรงพยาบาล พ่อของเด็กที่บาดเจ็บยืนมอง "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร แต่"สุเวศน์ ภู่ระหงษ์"ไม่ได้คิดอะไรมาก ตั้งใจช่วยเหลือคนเจ็บเท่าที่ทำได้ก็พอแล้ว
เมื่อเด็กคนนั้นออกจากโรงพยาบาล จึงได้นำดอกไม้มาขอบคุณ ส่วนพ่อของเด็กที่เคยมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรก็มาขอบคุณเช่นกันหลังจากรู้เรื่องจากลูกของตนว่า "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" เป็นคนที่ช่วยชีวิต ปั้มหัวใจจนรอดชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่ในวันเกิดเหตุ พ่อของเด็กคิดว่า "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์"เป็นคู่กรณีที่ขับรถมาชนลูกของตน เมื่อรู้ความจริงจึงมาขอบคุณที่ช่วยชีวิตของลูก
หากมองย้อนกลับไปแล้ว ทำให้เข้าใจคนในสังคมได้ว่า ทำไม หลายคนจึงไม่อยากช่วยเหลือคนเจ็บจากอุบัติเหตุ ไม่อยากกลายเป็นคู่กรณีทั้งที่ไม่ใช่คนที่ขับรถมาชน แต่ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์"ไม่ได้คิดอะไรมาก ช่วยได้ก็ช่วยทันที
ตั้งสติ ช่วยชีวิตคนเจ็บจากรถชน - ความหวังดีที่เกือบเป็นผลร้าย
Thursday, June 23, 2011 |
ป้ายกำกับ:
สุเวศน์ ภู่ระหงษ์
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment