สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ศิลปินประชาชน

        ไก่ แมลงสาบ และสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ไปให้กำลังใจ ทีมงานที่ช่วยกันผลิต ระเบิดจุลินทรีย์ ร่วมกู้วิกฤติชาติด้วยศาสตร์พระราชา ตอน ยุทธการอธรรมปราบอธรรม ฟื้นฟูหลังน้ำลดด้วย ระเบิดจุลินทรีย์ ณ ศูนย์ปฏิบัติราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๔
  

         เมื่อน้ำท่วมใหญ่ ใครบางคนที่บอกว่า เอาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ยังไงก็ "เอาอยู่" แต่น้ำก็ทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่จนต้องอพยพกันขนานใหญ่ นี่คือ การด้นเพลงกันสดๆ ของสุเวศน์ ภู่ระหงษ์และไก่ แมลงสาบ เมื่อ 30 ต.ค.2554 พูดถึงสถานการณ์น้ำท่วม และสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไปในช่วงเวลานี้ อาจไม่ถูกใจใครบางคน แต่นั่นคือ สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ

         บรรยากาศจาก ร้านจิ๋มเจ้าเก่า ร้านอาหารอร่อย ในตำบลแสลง อ.เมือง จ.จันทบุรี ซึ่งขายส้มตำปูปลาร้า ตำผลไม้ ตำไข่เค็ม ตำข้าวโพด ข้าวเหนียว ไก่ทอด ลาบ น้ำตก ส้มตำ อาหารตามสั่ง....

         ภาพถ่ายในอดีต เดิมถูกถ่ายและอัดภาพลงกระดาษจากร้านถ่ายภาพ ซึ่งวันเวลาที่ผ่านไปหลายปี ภาพเก่าๆเหล่านี้ยิ่งมีคุณค่ามากขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป แม้ว่าในปัจจุบัน จะมีเทคโนโลยีที่สามารถเก็บภาพต่างๆได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น แต่คุณค่าของภาพถ่ายในยุคเก่า ยิ่งนาน ยิ่งมีคึุณค่ามากขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป

        ถึงแม้ว่า "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" จะมีอายุถึง 67 ปี (ในปัจจุบัน) แต่ท่านได้เก็บภาพถ่ายเก่าๆ ที่หาชมได้ยาก ทั้งภาพของคุณพ่อ คุณแม่ คุณลุง คุณยาย ไว้ภายในบ้าน และในโอกาสนี้ ขอนำภาพต่างๆมาให้ชมกัน



คุณแม่จำรัส ภู่ระหงษ์



คุณพ่อกลาย ภู่ระหงษ์




คุณลุงสำเภา จำกิจ



คุณยายอู่ เฉลยมณี





         ภาพหายาก รูปถ่ายคุณย่าของ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" ตั้งแต่ "สุเวศน์" ยังไม่เกิด น่าจะถ่ายเมื่อ 70 ปีที่แล้ว

           คนเสียสละ ไม่มีสละสักต้น (ซ้ำ) นี่แหละคุณค่าของคน อยากรู้จริงเขาคือใคร

           เขาคือตำรวจหมู่บ้าน                ทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
           เงินเดืิอนไม่มีสักบาท               งานบ้านงานวัดก็ไป
           ต้องควักกระเป๋าจ่ายเอง            แม้แต่ชุดที่มีสวมใส่
           ครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง             บางครั้งขัดสนวุ่นวาย
          
          (สร้อย) อยากรู้ อยากรู้จริงๆ หัวใจทำได้ยังไง
          คนเสียสละ ไม่มีสละสักต้น (ซ้ำ) นี่แหละคุณค่าของคนเรา ขอให้กำลังใจ

          อดทนอดกลั้นต่อสู้                  อยากจะรู้เขาทำเพื่อใคร
          คำตอบทำเพื่อมวลชน             เพื่อทุกคนเป็นสุขสบาย
          ตำรวจหมู่บ้านมาแล้ว              ประชาชีมีความอุ่นใจ
          รับปรึกษาปัญหาทุกเรื่อง         ยกเว้นปัญหาหัวใจ
          (สร้อย) อยากรู้ อยากรู้จริงๆ  หัวใจทำได้ยังไง
          คนเสียสละ ไม่มีสละสักต้น (ซ้ำ) นี่แหละคุณค่าของคนมีมากอยู่ในเมืองไทย









          ขาดแรงสนับสนุน                 ขาดดุลจะมาเสริมให้
          ขอฝากไปยังรัฐบาล              ดูแลให้ความสนใจ
          ทรัพยากรบุคคล                  อย่าให้ตกหล่นหายไป
          งานของตำรวจหมู่บ้าน           ทุกคนทำด้วยหัวใจ

          (สร้อย) อยากรู้ อยากรู้จริงๆ (ซ้ำ)  หัวใจทำได้ยังไง

                                                             10 พ.ค.2546

         แม้จะเกิดวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ในหลายจังหวัดของประเทศไทย ตุลาคม 2554 แต่รายการวิทยุ "รักพ่อ" ยังคงมีรายการออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ทำการผลิตรายการรักพ่อ ตอนที่ ๐๗ เมื่อค่ำคืนวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนี้ สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ได้เขียนบทกวีเพื่อประกอบในการจัดรายการ มีหลายบทที่น่าสนใจ และขอหยิบนำมาฝากกัน เพื่อเป็นกำลังใจในสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในเวลานี้

ภาพกิจกรรม ปกป้องศิริราช ที่มา http://www.facebook.com/media/set/?set=a.10150330280552102.339075.557472101&type=1



          ในช่วงกลางๆของรายการวิทยุ "รักพ่อ" ตอนที่ ๐๗ ที่ได้กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมและเรื่องราวของในหลวงกับการให้คำแนะนำการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ สุเวศน์ ภู่้ระหงษ์ ได้เขียนบทกวีกล่าวนำ เพื่อเข้าสู่เนื้อหาในประเด็นนี้ว่า

          "พ่อสอนเราทุกอย่างสร้างชีวิต
           พ่อผลิตหลายอย่างที่สร้างสรรค์
           พ่อลึกซึ้งทางด้านชลประทาน
           พ่อสอนให้เรารักมั่นสามัคคี               
                         พ่อไม่เคยสอนให้เราทำเพื่อพ่อ
                                       พ่อสอนให้เราเคารพต่อหน้าที่
                        พ่อสอนให้เราได้มีชีวิตที่ดี
                        พ่อไ่ม่เคยสอนให้เรานี้ "รักพ่อ"

           ในช่วงสุดท้ายของการจัดรายการ สุเวศน์ ภู่้ระหงษ์ได้เขียนบทกวีประกอบรายการ โดยได้กล่าวถึงชาว "กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ"  หลังจากที่ได้ติดตามข่าวคราวในกิจกรรม "ปกป้่องศิริราช" ที่หลายคนต่างทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เวลา ทั้งเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้าจนหลายคนมีอาการไม่สบาย จึงได้เขียนบทกวี และพูดในช่วงสุดท้ายของการจัดรายการดังนี้

         "ขอบคุณกลุ่มรักพ่้อ ภาคปฏิบัติ
          ที่ช่วยจัดกิจกรรมนำสร้างสรรค์
          เชิดชูและปกป้องสถาบัน
          รักพ่อ ด้วยจิตมั่นกตัญญู"

               ขอแสดงความชื่นชมด้วยความจริงใจ และขอเป็นกำลังใจให้กับ กลุ่มรักพ่อ ภาคปฏิบัติ และผมเชื่อว่า ท่านผู้ฟังทุกท่าน คงจะส่งกำลังใจมาสู่ท่าน เพราะสมาชิกทุกคนในกลุ่มท่าน เป็นคนดี มีจิตใจที่จงรักภักดี มีความกตัญญู...

           "ขอขอบคุณท่านผู้ฟังทุกๆท่าน
           ที่ติดตามรายการ "รักพ่อ"
           เป็นรายการที่มิมี การรีรอ
           เราจะทำเพื่อ พ่อของเรา
                       ขอบคุณในน้ำจิต มิตรทั่วไทย
                       ที่ช่วยให้กำลังใจ มิให้เหงา
                       สานสายใยสายสัมพันธ์ ตามเป็นเงา
                       ให้กำัลังใจ รายการเราตลอดมา!! "

        นับเป็นเวลาครบรอบ 1 ปีพอดีสำหรับบทเพลง "น้ำท่วมไทยใจท่วมท้น" หรือ น้ำท่วมไทย น้ำใจท่วมท้น ในปัจจุบัน ที่ถูกนำมาทำดนตรีใหม่ และมีศิลปินเพื่อชีวิตหลายท่านมาร่วมกันขับขานบทเพลงๆนี้ด้วยกัน ในสถานการณ์น้ำท่วมไทยในเดือนตุลาคม 2554

       เมื่อตุลาคมปี 2553 ก็เกิดสถานการณ์น้ำท่วมเช่นกัน ในครั้งนั้น ไก่ แมลงสาบ และุสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ได้ร่วมกันเขียนเพลง น้ำท่วมไทยใจท่วมท้น ภายในที่พัก และได้ขับร้องเป็นครั้งแรก ดังวิดีัโอที่บันทึกไว้นี้



เพลงน้ำท่วมไทยใจท่วมท้น (sample)
      เพลงน้ำท่วมไทยใจท่วมท้น ที่ไก่ แมลงสาบ และสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ พึ่งแต่งเสร็จ เมื่อช่วงดึก 23 ต.ค.2553 คุณสุเวศน์กล่าวนำเข้าบทเพลง แล้วไก่ แมลงสาบ เล่นและขับร้องเพลงนี้ รอบแรกก่อน


ตามอ่านรายละเอียดการทำงานในวันนั้นได้ที่
http://thaibansinlapin.blogspot.com/2010/10/blog-post_30.html

          เพลงน้ำท่วมไทย น้ำใจท่วมท้น (Animal Version) นอกจากผู้คนจะเดือดร้อนกันทั่วหน้าแล้ว บรรดาสัตว์เลี้ยงน่ารักต่างเดือดร้อนด้วยเช่นกัน อย่าลืมแบ่งปันน้ำใจให้เพื่อนร่วมโลกของพวกเราด้วย พวกเค้ายิ่งเดือดร้อนไม่แพ้พวกเราเช่นกัน






            เพลงน้ำท่วมไทย น้ำใจท่วมท้น  ผลงานเพลงจากกลุ่มศิลปินเพลงเพื่อชีวิตโดย”กลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน” อาทิ วงแฮมเมอร์ อารีย์ ประธานและอนุชา ประธาน, สีเผือก คนด่านเกวียน, คีตาญชลี, จ่าหรอย เฮนรี่, ต่าย ศรัณพร และ ไก่ แมลงสาบ มาทำการบันทึกเสียง มีพี่บอย เชิงชาย มีเจริญ ทีมงานที่ทำ ดนตรีของ อ.ธนิสร์ มาดูแลการบันทึกเสียงและคุณเต้ยทำหน้าที่ Sound Engineer


Edit : 25 October 2011

           ถ้าพูดถึงความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งลี้ลับที่ไม่สามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ ความเชื่อในเรื่องเหล่านี้ ต่างคนต่างมีความเชื่อที่แตกต่างกันไป ซึ่งในสายตาของหลายคนมองมายังกลุ่มคนที่มีความเชื่อแบบนี้ บ้างก็เชื่อ บ้างก็ไม่เชื่อ และบอกว่า คนกลุ่มนั้น ช่างงมงายเหลือเกิน แต่อีกหลายคน วางเฉยกับประเด็นเหล่านี้ เช่นเดียวกับ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" แม้จะไม่เชื่อ ไม่มีข้อมูลในเรื่องนั้น ๆ แต่ก็ไม่เคยลบหลู่ใดๆทั้งสิ้น


            มีหลายกรณีที่ได้พบเห็นจากข่าวต่างๆ อาทิ มีคนกราบไหว้ บูชาต้นไม้ ที่มีลักษณะแปลกจากต้นไม้ปกติ บางต้นมีตำนาน มีประวัติเล่าขานนานมา เรื่องแบบนี้ พิสูจน์ได้ยาก แต่ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" เคารพในความเชื่อแบบนี้ แต่ถ้าเป็นกรณีที่มีคนไปขูดต้นไม้ เพื่อหาเลขเด็ดมาเล่นหวย กรณีแบบนี้ ไม่เห็นด้วยอย่างมาก




           ถ้าพูดถึงชื่อต้นไม้ เช่น ต้นลีลาวดี ต้นลั่นทม ชื่อนี้ มีคนทักว่า ไม่เป็นมงคล แต่สำหรับ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" แล้ว เรื่องแบบนี้จะไม่พูดออกมา เพราะการพูด ทักแบบนี้ จะทำให้เจ้าของบ้าน คนที่ปลูกต้นไม้ "จิตตก" ทันที ทั้งๆที่ตอนที่นำต้นไม้มาปลูก คนปลูกไม่ได้คิดเรื่องเหล่านั้น บางคนนำมาปลูกเพื่อให้เกิดร่มเงา ปลูกเพื่อให้บริเวณบ้านมีต้นไม้เขียวขจี ไม่ได้นึกถึงความเป็นมงคลแต่อย่างใด แต่ปลูกเพราะอยากจะปลูก


           "ทุกสิ่งมันดีอยู่แล้ว แต่คนเรานี่แหละ พูดหาเรื่องให้มันไม่ดี อย่างเช่น การไหว้เจ้า ถ้าไหว้ด้วย มังคุด ก็ถูกทักว่าไม่ดีอีก ("ชื่อ คุด") เจ้าเลยอดกินมังคุด มีคนบอกว่า งั้นถวายฟักทองสิ เพราะชื่อดี..."


          " เรื่องหลายเรื่อง ล้วนอยู่ที่คนเรา ที่ทำให้มันเป็นเรื่องขึ้นมา ธรรมชาติอยู่ของมันมาหลายร้อยหลายพันปีแล้ว ไม่เห็นจะไม่เป็นมงคลอะไร แต่คนเราไปทำให้มันยุ่งขึ้นมาเอง"

           "บ้านแสลง ไม่แสลงเหมือนชื่อ อย่าเชื่อข่าวลือ ว่าคนแสลงใจร้าย
            ชื่อแสลงเดิมทีเป็นชื่อต้นไม้ ชื่อว่าต้นแสลงใจ ผู้หลักผู้ใหญ่เล่าต่อกันมา..."


          นี่คือ เพลง ตำนานบ้านแสลง คำร้อง - ทำนอง สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ กับการรวบรวมข้อมูล ประวัติ และที่มาของ ตำบลแสลง มาร้อยเรียงให้เป็นบทเพลง ที่สามารถร้องตามและจดจำได้ง่าย


         หากจะกล่าวถึงประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ประวัติศาสตร์ชุมชนแล้ว นอกจากคนเก่าคนแก่ในท้องถิ่นแล้ว ลูกหลาน คนรุ่นใหม่ แทบจะไม่รู้เรื่องราวความเป็นมาของท้องถิ่นมากนัก หากผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ได้เล่าให้ฟัง แต่คนรุ่นใหม่กลับรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของต่างประเทศจากการดูละครซีรีส์ทางโทรทัศน์มากกว่า ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นตนเองเสียอีก


          เมื่อมีการจัดทำบทเพลง ตำนานบ้านแสลง รวบรวมภาพสำคัญๆในตำบล ผลิตและตัดต่อออกมาเป็นมิวสิควิดีโอเพลง ตำนานบ้านแสลง โดย ลุงสิงหา จากห้องบันทึกเสียงสิงหา ตำบลท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี ทำให้เห็นภาพ และประวัติความเป็นมาของ ตำบลแสลงได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น


            นี่คือ งานอนุรักษ์วัฒนธรรมที่ควรจะต้องรักษาไว้ เมื่อคนยุคใหม่ ชอบฟังเพลง ชอบร้องเพลง จึงมีการทำบทเพลง ตำนานบ้านแสลง เพื่อให้คนรุ่นใหม่ สามารถฟังได้ จดจำได้ สามารถ ค้นหาในระบบอินเทอร์เนตได้ด้วย นี่จึงเป็นการเก็บข้อมูลประวัติศาสตร์ท้องถิ่นไว้ด้วยมิวสิควิดีโอเพลงนี้







           " ประวัติเป็นมามีขุนยังผู้ยิ่งใหญ่ ศิษย์เอกคู่ใจ ท่านพ่อครุฑผู้เรืองศรี
  ร่ำเรียนวิชา พร้อมรับดาบ ของดี จากวัดแสลงนี้ จึงเก็บไว้ให้ลูกหลานดู.. 
  ชาวบ้านแสลง จะรักษา ดาบของคนกล้า จะขอบูชา เก็บไว้เพื่อให้โลกรู้
  ชาวแสลง ซาบซึ้ง และขอเชิดชู ดาบยังคงอยู่ คู่บ้านแสลงเอย"

          หลายคนนิยมสะสม บูชาพระเครื่องรุ่นต่างๆ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" ก็เช่นเดียวกัน ชอบดูพระ ศึกษาเรื่องพระหลายรุ่น ในวงการคนที่ชอบพระเครื่อง มักจะมีวิธีการดูพระเครื่องว่า เป็นของแท้ หรือ ของเก๊ทำเลียนแบบ, พยายามที่จะดูตำหนิ ดูพื้นผิว ดูด้านหน้าด้านหลัง ก่อนจะบอกว่า สวยไม่สวย เป็นพิมพ์ดี หรือไม่ดี


         มีคำตำหนิมากมายหลังจากที่ดูพระเครื่อง เช่น ลักษณะไม่ดี ไม่สวย จะต้องไปหาใหม่ ฯลฯ สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ได้ให้ข้อคิดในเรื่องนี้ว่า


       "พระเครื่องที่เค้าสร้างมา แต่ละรุ่นแต่ละพิมพ์นั้น เค้าสร้างมาดีแล้ว คุณศึกษาดีหรือยัง!!"


      " ก่อนที่จะติว่าดีหรือไม่ดี ได้ศึกษาเพื่อรู้ถึงคุณค่า คุณลักษณะของพระที่ส่องดูหรือยัง ต้องศึกษาให้รู้จริง ให้เข้าใจเสียก่อน จึงจะเห็นคุณค่าภายในของพระเครื่อง ไม่ใช่เห็นแต่คุณค่าภายนอ เพียงแค่ราคาของพระเครื่องเท่านั้น !! "

            ในการทำงานแต่ละชิ้น หลายคนคิดถึงค่าใช้จ่าย ค่าแรง ค่ามันสมองต่างๆ ทำให้การทำงานหลายอย่าง ต้องตกลงรายละเอียดในเรื่องของค่าตอบแทนให้เรียบร้อย แต่สำหรับ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" ซึ่งผ่านประสบการณ์ในการทำงานมาหลายอย่าง ได้มีมีมุมมองที่เป็นข้อคิดดีๆเตือนสติดังนี้


            "ถ้าดูอายุในตอนนี้ ถือว่า เราอยู่ในช่วงขาลง เมื่อมีโอกาสทำงานอะไรได้ ทำได้ก็จะทำอย่างเต็มที่ ชีวิตมีขึ้นมีลง เมื่ออยู่ในช่วงขาลง... ลงได้ ก็ขึ้นได้เช่นกัน"




          " การทำงานที่ไม่ได้หวังที่ตัวเงินเป็นหลักสำคัญ ทำให้สามารถทำงานได้มาก เคยช่วยหางานให้ลุงสิงหามาตลอด จนเก็บสะสมเงิน และมีห้องบันทึกเสียงสิงหาขึ้นมาได้ เมื่อ"สุเวศน์" ไปขอให้ช่วยทำงานอัดเสียงให้หลายชิ้น ลุงสิงหาไม่เคยเรียกเงินมากๆ แต่ในช่วงที่มีเงิน "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" จะจ่ายเงินให้สมกับฝีมือและเนื้องานที่ทำออกมา อย่างที่ควรจะได้รับ สร้างมาตรฐาน ที่ไม่ต้องการเอาเปรียบใคร"

          การผ่านประสบการณ์ชีวิต ทั้งในช่วงรุ่งโรจน์ และช่วงขาลง ทำให้มองเห็นสัจธรรมชีวิตหลายอย่าง สิ่งสำคัญคือ ผลงานที่ทำออกมา เมื่อมีโอกาสได้ทำ ก็จะขอทำอย่างเต็มที่ ไม่ได้สนใจว่า จะเป็นช่วงขาลง หรือขาขึ้น แต่ผลงานที่ออกมา ต้องรักษามาตรฐานไว้ให้ได้

           ภาพมุมสวย เมื่อมองจาก ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี มองไปยังเขาสระบาป 

 


           ในการจัดทำข้อมูลในการทำรายการวิทยุช่วงหนึ่ง เมือได้หยิบหลักการทรงงานของในหลวงให้สุเวศน์ ภู่ระหงษ์เตรียมไปพูดในรายการ กับหลักการทรงงานข้อนี้

       " จะทำอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เป็นระบบ"
ทรงศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและเป็นระบบทั้งข้อมูลจากเอกสาร แผนที่ สอบถามเจ้าหน้าที่ นักวิชาการ และราษฎรในพื้นที่ ให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง เพื่อพระราชทานความช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ตรงตามความต้องการของประชาชน

          สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ได้เขียนบทกวี สรุปประเด็นในข้อนี้ ดังนี้

        จะทำอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เป็นระบบ
เอกสารแผนที่ครบ และสอบถาม
นักวิชาการ ราษฎร ทุกถ้อยความ
ในพื้นที่เพื่อจะพระราชทานความช่วยเหลือ

         การจุนเจือรวดเร็วแก้ปัญหา
ความต้องการประชาชนสืบค้นมา
เป็นหลักพัฒนาประชาชน

      ขั้นตอนการพัฒนาประชาชน
ทรงเน้นพัฒนาคนเสียก่อน
ให้มีศักยภาพตามขั้นตอน
คือรู้ก่อนจะออกสู่สังคมภายนอก

 

          หลังจากที่ได้แจ้งว่า "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" มีความตั้งใจที่จะทำอัลบั้ม "พระมหาชนก" ทางเวบ สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ศิลปินประชาชน มาเป็นเวลาหลายเดือน และมีผู้เข้าเยี่ยมชมเวบไซต์ได้ให้ความสนใจ ติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับผลงาน "พระมหาชนก" มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เมื่อ 8 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" ได้เริ่มต้นเขียนผลงาน "พระมหาชนก" แล้ว โดยเริ่มต้นเขียนไว้เป็นแนวทางในการเขียนตอนต่อไป ดังในวิดีโอนี้





           สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ กับการเริ่มต้นเขียนงาน พระมหาชนก เมื่อ 8 ต.ค.2554 ที่ห้องบันทึกเสียงสิงหา ซึ่งจะหาเวลาในการเขียนงานชิ้นนี้ เพื่อจัดทำเป็นอัลบั้มชุดพิเศษต่อไป

           การเดินทางไปบ้านหมอเคลือบ ตั้งแต่ออกเดินทางไปจนถึงบริเวณบ้าน และเข้าพบกับหมอเคลือบ เมื่อ 1 ต.ค.2554  

การดูต้นดาวเรื่องที่เตรียมไว้ในงานช่วง 1-7 ธ.ค.2554

           ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป ขอนำท่านเข้าผู้ฟังเข้าสู่รายการรักพ่อ รายการรักพ่อ เกิดขึ้นจากการรวมตัว ร่วมใจ ของกลุ่มบุคคลที่มีความรักชาติ หวงแหนแผ่นดิน และจงรักภักดีต่อพ่อ องค์พระภูมิพล เกิดจากอุดมการณ์ และมุ่งมั่นในอุดมการณ์อย่างแรงกล้า ยึดมั่นในความเป็นธรรมของสังคม ยึดความถูกต้องในการก้าวเดิน ในแต่ละย่างก้าว ได้รวมตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อน ร่วมกิจกรรม พิสูจน์ความตั้งใจ พิสูจน์หัวใจกันมา จนเป็นกลุ่ม รักพ่อภาคปฏิบัติ และเป็นที่มาของรายการ รักพ่อ รักพ่อ รักพ่อ

         สวัสดีครับท่านผู้ฟัง กระผม นายสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ขอนำท่านผู้ฟังเข้าสู่รายการ รักพ่อ ถึงวันนี้ ก็มั่นใจ และขอคารวะในน้ำใจอันหาญกล้า ของทุกคน ทุกคนที่รักพ่อ ไม่ต้องรอ ทุกวันอาทิตย์พบกัน 10 นาฬิกา ลานพระบรมรูปพระบิดา โรงพยาบาลศิริราชเป็นประจำนะครับ...........

           เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ.2554 "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" ได้เข้าห้องบันทึกเสียงสิงหา เพื่อผลิตสปอตข้อมูล เรื่องราวของในหลวง ซึ่งเป็นสปอตสั้นๆความยาว 1-2 นาที สำหรับการเผยแพร่ทางสถานีวิทยุ และสื่อต่างๆ

          บรรยากาศในการทำงาน เป็นไปอย่างราบรื่น ต่างคนต่างทำงานเพื่อพ่อหลวง นี่คือ ประมวลภาพบรรยากาศการทำงานในวันนั้น


































           การนั่งแบ่งวรรคตอน เพื่อเตรียมอ่านสปอต         วิดีโอบรรยากาศการทำงาน บันทึกเสียงสปอตข้อมูลในหลวง เมื่อ 8 ต.ค.2554

          ในแต่ละวัน เราจะพบข้อคิดเตือนสติมากมาย ทั้งที่คิดขึ้นเอง และที่ได้ยินได้ฟังจากคนอื่นมา แต่สำหรับ "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์" แล้ว หลายข้อคิด ได้มาจากประสบการณ์ การสังเกตและการเรียนรู้ด้วยตนเอง และนี่คือ ข้อคิดเตือนสติที่เขียนไว้ที่มุมหนึ่งภายในบ้านพักที่ ต.แสลง อ.เมือง จ.จันทบุรี

         หมอเคลือบ เป็นหมอจับเส้น จับชีพจร วัย 70 กว่าปี สามรถรักษาอาการต่างๆได้ สามารถรักษาอาการป่วยของ สุเวศน์ได้ ซึ่งเป็นที่ศรัทธามาก เพราะเคยป่วยโรคที่คิดว่า ไม่สามารถรักษาได้ แต่คุณหมอกลับรักษาคุณลุงสุเวศน์จนหายได้

      บรรยากาศที่เขาสระบาป เมื่อช่วงสายวันที่ 7 ต.ค.2554 เมื่อมองจากพื้นที่ตำบลท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี photo by สุเวศน์ ภู่ระหงษ์

           เมื่อช่วงวันที่ 1-2 ต.ค.2554 ที่ผ่านมา กลุ่มดินรักษ์ฟ้า ได้เดินทางมาดูสถานที่จัดงานในเดือนธันวาคม 2554 ซึ่ง "สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ได้พาแวะไปชมการไปดูการทอเสื่อที่ชุมชนท่าแฉลบ จ.จันทบุรี