Powered by Blogger.
RSS

ถอดบทพูด รายการวิทยุรักพ่อ ตอน๗ เมื่อ ๒๑ ต.ค.๒๕๕๔

ถอดบทวิทยุ รายการรักพ่อ ตอนที่เจ็ด ๒๑ ต.ค.๒๕๕๔
เพลงไตเติ้ลเข้ารายการ...

ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป ขอนำท่านผู้ฟังเข้าสู่รายการ รักพ่อ รายการรักพ่อ เกิดขึ้นจากการรวมตัว ร่วมใจ ของกลุ่มบุคคล ที่มีความรักชาติ หวงแหนแผ่นดิน และ จงรักภักดีต่อพ่อ องค์พระภูมิพล เกิดจากอุดมการณ์ และมุ่งมั่นในอุดมการณ์อย่างแรงกล้า ยึดมั่นในความเป็นธรมของสังคม ยึดความถูกต้องในการก้าวเดิน ในแต่ละย่างก้าว ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ร่วมกิจกรรม พิสูจน์ความตั้งใจ พิสูจน์หัวใจกันมา จนเป็นกลุ่ม รักพ่อภาคปฏิบัติ และเป็นที่มาของรายการ รักพ่อ รักพ่อ รักพ่อ...

>สวัสดีครับท่านผู้ฟัง กระผมนายสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ขอนำท่านผู้ฟังเข้าสู่รายการ รักพ่อ ท่านผู้ฟังครับ ถ้าจะนำพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาพูด คงต้องใช้เวลากันเป็นแรมปีทีเดียว ..ถึงแม้จะใช้เวลาเป็นแรมปี ก็คงไม่สามารถจะพูดให้หมดสิ้นได้ หลายเรื่องราว หลายเหตุการณ์ พระองค์ทรงทำเพื่อคนไทย .. แม้แต่ผู้ดำเนินรายการเอง ก็ยอมรับว่า ดูไม่หมดครับ ผมเชื่อว่าคนไทยหลายคน อาจไม่รู้ว่า แม้พระองค์ท่านจะทรงพระประชวรอยู่ แต่พระองค์ ยังห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ คือจะเสด็จทอดพระเนตร ระดับน้ำที่ริมน้ำเจ้าพระยา น้ำที่ท่วมทุกวัน พร้อมมีกระแสรับสั่งกับทหารว่า ไม่ต้องทำพนังกั้นน้ำ บริเวณพระราชวัง ทรงให้ทหารไปช่วยราษฎรก่อน หลายคนได้ฟังพระราชดำรัสตอนนี้ อึ้งไปเหมือนกัน พ่อของเราทรงเสียสละ ทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อพสกนิกรของพระองค์ เราจะเห็นได้ยามที่คนไทยมีทุกข์ เมื่อคืนของวันที่ 25 ตุลาคม 2554 ไม่กี่วันมานี้เอง เวลาประมาณเกือบ 5 ทุ่ม ณ สถานที่แห่งหนึ่งในเขตทวีวัฒนา มีรถคันหนึ่งจอดอยู่บนสะพาน ชาวบ้านแถวนั้นเห็นจึงเข้าไปเคาะกระจกรถ เพื่อที่จะบอกว่า เค้ามีคำสั่งให้อพยพแล้ว เมื่อชาวบ้านมองเข้าไปในรถ ภาพที่เห็น กลับทำให้ชาวบ้านคนนั้นถึงกับทรุด เพราะคนที่นั่งอยู่ในรถคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา กับสมเด็จพระเทพ ที่เสด็จมาดูปัญหาน้ำท่วมด้วยพระองค์เอง ... ฟังไปก็ให้ขนลุกไป ตื้นตันมาก ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

รู้หรือยังว่าใคร ห่วงใยเราตลอดเวลา
ใครที่เป็นผู้นำ ใครที่แม้จะไม่สบาย แต่ไม่เคยทอดทิ้งพวกเรา
ยังจำกันได้มั้ย ตอนที่พระองค์พูดว่า
ถ้าหากพวกท่านไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว
ข้าพเจ้าจะละทิ้งพวกท่านได้อย่างไร
พระองค์ทรงทำตามสัญญาตลอด..
ทรงพระเจริญ..

(เปิดเพลง ทรงพระเจริญ - ศิลปิน อัสนี วสันต์ โชติกุล)

ท่านผู้ฟังครับ ช่วงนี้ อยากจะให้ท่านผู้ฟังได้รับรู้รับฟัง 10 อันดัลเรื่องของในหลวง ที่คนไทยควรรู้ เป็นข้อมูลจากเวบไซต์ ท็อปเทนไทยแลนด์ดอทคอม

อันดับที่ 10 เลี้ยงสัตว์หลายชนิด สมัยยังทรงพระเยาว์ ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิด สุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งู ก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่ง งูตายไป ก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต

อันดับที่ 9 ทรงรับจ้างเก็บผัก ผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมา ก็นำไปซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม

อันดับที่ 8 เรียกว่า ค่าขนม สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนมอาทิตย์ละครั้ง

อันดับที่ 7 ทรงเรียกสมเด็จพระชนนี หรือ สมเด็จย่า อย่างสามัญชนว่า แม่

อันดับที่ 6 เสด็จนิวัติสู่ประเทศไทยครั้งแรก เมื่อพระชนมายุ 2 พรรษา พร้อมด้วยสมเด็จพระชนก และสมเด็จพระชนนี

อันดับที่ 5 ทรงมีชื่อเล่นว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก

อันดับที่ 4 พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงค์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช

อันดับที่ 3 พระนามภูมิพล ได้รับพระราชทานจาก พระบามสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7

อันดับที่ 2 นายแพทย์ผู้ถวายการคลอด คือ ดับเบิล สจ๊วด วิทมอร์ มีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์

อันดับที่ 1 พระราชสมภาพวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม ปีพุทธศักราช 2470

ช่วงนี้ ให้ท่านผู้ฟังได้รับฟังเพลง ก้าวไปในหนทางพอเพียง

(เปิดเพลงก้าวไปในหนทางพอเพียง)

พ่อสอนเรา ทุกอย่าง สร้างชีวิต
พ่อผลิต หลายอย่าง ที่สร้างสรรค์
พ่อลึกซึ้ง ทางด้าน กรมชลประทาน
พ่อสอนให้เรา รักมั่น สามัคคี

พ่อไม่เคย สอนให้เรา ทำเพื่อพ่อ
พ่อสอนให้เรา เคารพต่อ หน้าที่
พ่อสอนให้เรา ได้มีชีวิต ที่ดี
พ่อไม่เคย สอนให้เรานี้ รักพ่อ

ครับ พ่อสอนเราทุกสิ่งทุกอย่าง การทำมาหากิน การดำรงชีวิต การมีชีวิตที่ดี แต่พ่อไม่เคยสอนให้เรารักพ่อ คำพ่อสอนเรื่อง การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพ..... เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ2554 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยกับข้าราชการกรมชลประทานว่า ทุกฝ่ายทั้งผู้ใหญ่ ทั้งผู้น้อยต้องสนใจว่า น้ำมันลงมาได้อย่างไร ต้องสนใจว่าประตูน้ำจะต้องปืดเปิดเมื่อไหร่ ถ้าสามารถปิดเปิดได้ตรงเวลา ก็จะช่วยบรรเทาความทุกข์ความเดือดร้อนของทั้งระบบให้น้อยลง อาจมีผิดพลาดบ้าง น้ำท่วมบ้าง แต่ก็น้อยมาก ต้องไปพิจารณาดูว่า จังหวะของการเปิดปิดประตูน้ำ เปิดก็สำคัญเท่ากับปิด ถ้าเปิดให้ถูกต้องแล้ว น้ำก็ออกไป ถ้าเปิดปิดให้ถูกต้อง ก็ไม่ต้องใช้พลังงาน ประหยัดทั้งเงิน ทั้งเวลา ถ้าเจ้าหน้าที่รู้จักเปิด ปิดให้ถูกเวลา เค้าก็จะได้รับคำชมเชย ในการทำหน้าที่ ต้องเข้าใจว่า ที่เปิด หรือปิดถูกเวลา ถูกจังหวะ เท่ากับเป็นงานที่ทำที่ถูกต้อง ที่ดี เพราะต้องเข้าใจว่า ประตูน้ำ ไม่ได้มีหน้าที่ปิดอย่างเดียว ประตูน้ำ มีหน้าที่ทั้งปิดและเปิด ต้องอธิบายให้ทราบทุกฝ่าย ทั้งพื้นที่ชองภาคกลาง ภาคใต้ ภาคอีสาน ก็ต้องมีเวลาปิดเปิด ให้ถูกต้อง ถ้าปิด เปิดถูกต้อง จะช่วยประหยัดพลังงาน และกำลังของเจ้าหน้าที่ พระองค์ยังรับสั่งถึงผลของการขยายการสร้างประตูระบายน้ำ แบบคลองลัดโพธิ์ ไปยังพื้นที่อื่นๆ เนื่องจากสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ดีว่า เท่าที่อยู่โรงพยาบาลศิริราช สังเกตได้ว่า ท่าน้ำเจ้าพระยานี้ ก็รับน้ำได้มาก โดยเฉพาะ โครงการ คลองลัดโพธิ์ ที่อยู่ใกล้ๆแถวนี้ สามารถระบายน้ำ ให้ผ่านทางประตูน้ำ ได้ผลดี เห็นได้ชัดว่า เวลาฝนตกหนัก น้ำสูงขึ้นมากๆ แต่ก็สามารถระบายน้ำได้ดี เพราะการระบายน้ำ ลงไปทะเลได้ดี โครงการนี้ ดีเห็นได้ชัดว่า ทำได้ ให้ลงทะเลโดยเร็ว เพราะว่า ตัวที่ผันผ่านโครงการลัดโพธิ์ ได้หลายปีมาแล้ว ก็มีการทำโครงการนี้ ก็สำเร็จผลขึ้นมาก น้ำลดลงไปจริงๆ ถ้าพัฒนาวิธีการนี้ เพิ่มเติมให้ลงทะเลแล้ว ชาวบ้าน ก็รู้แล้ว ได้เห็นว่า ประสิทธิภาพของโครงการลัดโพธิ์ รู้ว่า ทำได้จริงๆ แผนการระบายน้ำ ออกทางด้านตะวันออก ของกรุงเทพมหานคร เป็นพระราชดำริของในหลวง เมื่อ 12ปีที่แล้ว ทรงให้ข้อเสนอแนะต่อกรมชลประทาน เรื่องการระบายน้ำ จากแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก ผ่านคลองระพีพัฒน์และคลองสิบสาม คลองสิบสี่ เพื่อลดปริมาณน้ำที่ผ่านกรุงเทพมหานคร ให้น้อยลง โดยระบายน้ำจากคลองระพีพัฒน์ผ่านคลองสิบสาม ถึง สิบสี่ มาลงคลองรังสิตประยูรศักดิ์ จากนั้น ให้ปิดประตูน้ำคลองรังสิตช่วงคลองสิบสอง เพื่อกันไม่ให้น้ำไหลย้อนกลับมาทางคลองต้นๆ และผลักดันน้ำไปตามคลองรังสิต ไปออกที่ประตูน้ำ เสาวภาผ่องศรี ที่อยู่ตรงปลายคลองรังสิต-องครักษ์ เพื่อดันน้ำลงสู่แม่น้ำนครนายก อีกเส้นทางหนึ่ง คือน้ำจากคลองรังสิต จะถูกส่งผ่านคลองสิบสามถึงคลองสิบสี่ ลำลูกกา ไปลงคลองหกวา ซึ่งสามารถจะระบายไปยังคลองแสนแสบ น้ำในเส้นทางนี้ สามารถไปออกแม่น้ำบางปะกง จากคลองหกวา และคลองแสนแสบได้ รวมทั้งยังมีคลองพระองค์ไชยานุชิตและคลองย่อยอื่นๆ ที่จะระบายไปออกทะเล ที่สมุทรปราการ เพื่อที่จะผลักดันน้ำได้สำเร็จ จึงมีการพิจารณา ความสูงต่ำของพื้นที่ เพื่อดูความเป็นไปได้ที่น้ำจะไหลผ่านทางฝั่งตะวันออกได้ โดยพื้นที่ฝั่งบางปะกง จะมีความต่ำกว่าพื้นที่ฝั่งปทุมธานี ในส่วนไหนที่มีความสูงแตกต่างกันน้อย ก็จะมีการสร้างประตูน้ำกันน้ำไหลย้อน และติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อผลักดันน้ำให้ไปในทิศทางที่ต้องการ กรมชลประทานรับสนองพระราชดำริ โดยการขุดลอกช่องทางระบายน้ำ ที่จะรับน้ำจากคลองระพีพัฒน์แยกใต้ ผ่านคลองหนึ่ง อ. คลองผักหวานและ คลองสิบสี่ ในเขตโครงการชลประทานรังสิต พร้อมทั้งก่อสร้างอาคารบังคับน้ำเพิ่มเติม 4 แห่ง คือ ท้อระบายน้ำรับน้ำจากคลองระพีพัฒน์แยกใต้คลองหนึ่ง อ. คลองสอง อ. ประตูระบายน้ำคลองระพีพัฒน์แยกใต้ และประตูควบคุมน้ำในคลองรังสิต เพื่อควบคุมน้ำมิให้ไหลเข้าสู่คลองรังสิต ช่วงธัญบุรี และจุฬาลงกรณ์ การก่อสร้าง แล้วเสร็จเมื่อปี 2545 น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ เป็นข้อพิสูจน์ถึงพระปรีชาสามารถและสายพระเนตรที่มองการไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด... โครงการพระราชดำริ ที่เกี่ยวกับการบรรเทาอุทกภัย ที่เราเคยจะได้ยินได้ฟังกันมาช้านาน มาบัดนี้ก็ได้สัมผัสด้วยประสบการณ์ตรงแล้วว่า โครงการเหล่านี้ มีความสำคัญในการป้องกันน้ำท่วมได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำ การสร้างคันดินกันน้ำ การสร้างแก้มลิง รองรับน้ำ การขุดลอกคลองลัดน้ำ เพื่อย่นระยะทางและเวลา ในการระบายน้ำ ลงสู่ทะเล..

ท่านผู้ฟังครับ ได้รับฟังรับทราบพระราชดำริ และก็โครงการต่างของพระองค์แล้ว นึกถึงเมื่อ ประมาณซัก 20 ปี ผมได้เคยเขียนเนื้อเพลงไว้เพลงหนึ่ง ชื่อว่า เพลง สิ่งแวดล้อม เขียนบนความรู้สึก อยากจะบอกว่า มนุษย์เรา ทำลายทำร้ายธรรมชาติมากไม่ว่าจะเป็นป่าไม้หรือว่า แก้มลิงโดยธรรมชาติ แล้วก็ถม จัดมาเป็นโรงงาน บ้านจัดสรร และที่น่ากลัวที่สุด คือ ภูเขาครับ ระเบิดกันตูมๆ ตัดภูเขาหายไป ทีละลูก ทีละสองลูก ปรากฏว่า ไม่มีโอกาสได้งอกกลับมาอีกหรอกครับ ภูเขา ถ้าต้นไม้ ยังพอที่จะปลูกแทนได้ ผมจึงเขียเพลงสิ่งแวดล้อมไว้ เพื่ออยากจะเตือนมนุษย์ทั้งหลาย ที่อยากทำลายธรรมชาติเหลือเกิน สักวันหนึ่งถ้าธรรมชาติกลับมาเอาคืนเรา เราจะทำอย่างไร ถ้าโลกนี้มันวิบัติ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกันครับ.... หลังจากเขียนเพลงมาเสร็จสรรพแล้วก็ ช่วงแรกๆก็จะออกไปเสภาบ้าง ร้องเป็นแนวแหล่บ้าง พอหลังจากนั้น ก็มาพบกับคุณไก่ วัลลภ พลเสน หรือคุณไก่ แมลงสาบ ก็มาร่วมกันทำ ก็นำเพลงชื่อ สิ่งแวดล้อมมาทำดนตรีใหม่ เป็นแนวเพื่อชีวิต ได้นำเสนอมาซักประมาณปี 2545 ก็ปรากกว่า เหตุการณ์ต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสึนามิ หรือ น้ำท่วมอุทกภัยต่างๆ มันตรงกับเนื้อเพลงนี้ครับ อยากจะให้ท่านได้ฟัง ลองฟังดูครับ เชิญรับฟังครับ

สปอต..
" พระภูมิพลล้นเกล้าเผ่าไทย เกริกก้องเกรียงไกร อยู่ในใจคนไทยทุกคน .......... หลักปรัชญาการทำงานของในหลวง ซึ่งพระองค์ได้ทรงทำงานอย่างหนัก และทำให้เรามองเห็นปรัชญา แนวคิดได้หลายๆแง่มุมทีเดียว เคยได้ยินเพื่อนบางคนรับราชการ ขยันและตั้งใจทำงานมาก พูดว่า เราทำงานเกินเวลา เพียงวันละชั่วโมง สองชั่วโมง ยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ในหลวงได้ทรงงานหนัก ทั้งชีวิตเพื่อประชาชน ดังนั้น คนไทย จึงเกิดความศรัทธา และความจงรักภักดี เกิดสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ คุณงามความดี ที่พระองค์ทรงงานหนัก เพื่อคนไทย และความยั่งยืนของชาติไทย มาตลอดเวลาการครองราชย์ ตลอดจนพระราชจริยวัตรอันงดงามของพระองค์ที่ทรงเป็นตัวอย่างที่ดี ต่อคนไทยทั้งปวง.... จัดทำโดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ

ขอขอบคุณกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ
ที่ช่วยจัดกิจกรรม นำสร้างสรรค์
เชิดชูและปกป้องสถาบัน
รักพ่อด้วยจิตมั่นกตัญญู

ขอแสดงความชื่นชมด้วยความจริงใจ และขอเป็นกำลังใจให้กับกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ กระผมเชื่อว่า ท่านผู้ฟังทุกท่านคงจะส่งกำลังใจมาสู่ท่าน เพราะสมาชิกทุกคนในกลุ่มของท่าน เป็นคนดี มีจิตใจที่จงรักภักดี มีความกตัญญู....... มีคนตั้งคำถามว่า ทำไมคนมากมาย จึงต้องไปช่วยศิริราช ไม่มีหน่วยงานไหนรับผิดชอบแล้วหรือ หรืออย่างไร หน้าที่ดูแลพื้นที่ การระบายน้ำของโรงพยาบาลศิริราช กทม ได้มอบหมายให้สำนักระบายน้ำเป็นผู้ดูแล ซึ่งก่อนหน้านี้ มีแค่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล สำนักระบายน้ำและทหารเรือบางส่วนที่มาช่วย แต่วิกฤติครั้งนี้ มันหนักหนาสาหัสมากมาย หน่วยงานของรัฐ ระดมทหารและหน่วยงานอื่นๆ ไปช่วยเหลือที่อื่นหมด เพราะคิดว่า ศิริราชเคยดูแลตัวเองได้ พร้อมกับหน่วยงานที่เคยดูแล ก็น่าจะโอเค ส่วนทหารเรือที่เข้ามาช่วยก่อนหน้านี้ มาทีละผลัด ผลัดละประมาณ ยี่สิบถึงสามสิบคนเท่านั้น ถ้าเทียบกับพื้นที่ทั้งหมดของโรงพยาบาล จึงไม่เพียงพอ อีกทั้งทางโรงพยาบาล ไม่เคยร้องขอให้หน่วยงานใด นอกเหนือจากที่เคยได้รับการจัดสรรมาให้ เข้าไปช่วยเหลือเลย วันนี้พวกเรากลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ จึงต้องไปช่วยศิริราช การทำงานปกป้องศิริราช ของกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ เมื่อปลายเดือนตุลาคม มันสัมฤทธิ์ผลแล้ว ด้วยสติปัญญา หยาดเหงื่อและแรงกายที่เราทุ่มเทตักทรายและแจ้งข่าวสารต่างๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ รวมทั้งการขายเสื้อ สีธุลีดินนี้ เพื่อเป็นสื่อให้คนออกมารักพ่อภาคปฏิบัติมากขึ้น มีแต่คนเดินเข้ามาถาม ขอซื้อเสื้อจนไม่อยากจะขาย พวกเรารีบจะตักทรายใส่กระสอบให้ทันกับน้ำขึ้น พวกเราไม่จำเป็นต้องใช้ของแจกอะไร ล่อให้คนอยากทำตามพวกเรา แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพราะน้องๆ เห็นพวกเราทำความดี ให้ดูเป็นตัวอย่าง จึงอยากจะทำตาม และนี่คือ สิ่งที่พ่อสอนเรา ของแจกไป แจกไปเดี๋ยวก็หมดแรงแจก แต่ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นจากการกระทำ ที่ดี ทำให้ดูเรื่อยๆ ซ้ำๆ ยังไง เท่าไหร่ ก็ไม่มีวันหมด อย่างไหนจะยั่งยืนกว่ากัน จำไว้ว่า ต้อง ดูที่พ่อทำ จำที่พ่อสอน

..คราวนี้ ลองมาดูชาวต่างประเทศ ที่รักในหลวงของเราบ้าง แคลลี่ นิวตัน ฝรั่งผู้หลงรักในหลวง ฉันมาจากออสเตรเลีย ฉันมาพำนักอยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2550 แต่ฉันเดินทางร้องเพลงมาแล้วทั่วโลก โดยส่วนตัว ฉันมีสามีและลูกๆ 3 คน เราอยู่กันในไร่ ในแถบตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย ฉันและสามี ยึดถือการทำการเกษตร ซึ่งเราทำกันมายี่สิบปีแล้ว เราปลูกผักและผลไม้ หลากหลายชนิด เลี้ยงแกะเลี้ยงวัว เลี้ยงม้า ปลูกข้าวโอ๊ต เมื่อเราถามแคลลี่ว่า เธอรู้จักทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือไม่ เธอตอบอย่างทันทีว่า รู้จัก เพราะเธอและสามี ทำการเกษตรที่ก้าวหน้าและยั่งยืนที่สุด ทำอย่างนี้มายี่สิบปีแล้ว แต่ฉันทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำสิ่งเดียวที่เราทำมา 60 ปีแล้ว ฉันกับสามี ทำการเกษตรแบบยั่งยืน อย่างโดดเดี่ยวในตอนแรก ไม่มีใครสนใจ ทำตามวิถีทางนี้เลย กระทั่งเมือไม่นานมานี้ ถึงมีคนทำตามวิถีของเรา ความประทับใจและแรงบันดาลใจจากในหลวง... สำหรับความประทับใจแรกทีมีต่อในหลวง แคลลี่ เล่าว่า ครั้งแรกที่ฉันได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของคนไทยนั้น คือ บนเครื่องบินของการบินไทย ตอนนั้น เธอร้องไห้ออกมา ที่ร้องไห้ออกมา ก็เพราะ รู้สึกประทับใจอย่างมาก เพราะท่านคือ กษัตริย์ที่หาได้ยากยิ่งในโลกนี้ สามีและเธอเป็นนักรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน และเราก็พบว่า ภารกิจเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมนั้น เป็นภารกิจที่ยากลำบากมาก เพาะผู้คนไม่ค่อยจะสนใจกัน ดังนั้น ครั้งแรกที่ฉันได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉันจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก เมื่อฉันเห็นท่าน ฉันก็รู้สึกว่า ท่านเป็นความน่าประหลาดใจที่งดงามยิ่ง เมื่อได้ทราบว่า มีบุรุษผู้หนึ่งบนโลกนี้ ที่ใส่ใจเรื่องของสิ่งแวดล้อม การเกษตร และประชาชนมานาน 60 ปีแล้ว สำหรับฉันแล้ว สิ่งเหล่านี้ เป็นความรู้สึกอุ่นใจ ด้วยแรงบันดาลใจดังกล่าว เพลง Long Live the King จึงถูกเขียนขึ้น เมื่อวันที่24 เมษายน 2550 แรงบันดาลใจหนึ่งในการเขียนเพลงนี้ เพราะเมื่อฉันมาถึงประเทศไทย ฉันเที่ยวถามผู้คนมากมายว่า พวกเขารู้สึกอย่างไร ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งบางครั้ง ผู้คนก็ร้องไห้ออกมา เหมือนกับที่ฉันเห็นท่านเป็นครั้งแรก สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันประทับใจมาก แต่ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมฉันจึงร้องไห้ออกมา และทำไม ฉันจึงอ่อนไหวเหลือเกิน เมื่อมาพิจารณาดู ฉันก็พบว่า คำตอบอยู่ในพระเนตร พระทัย และพระหัตถ์ของพระองค์ ซึ่งกลายมาเป็นท่อนหนึ่งของเพลง Long Live The King การที่ผู้คนเอ่ยถึงพระองค์ อย่างจริงใจด้วยความรัก .. ความรักมิใช่ความกลัว ทำให้ฉันประทับใจมาก เพราะโดยส่วนตัวเอง ก็เชื่อในความรัก และพลังของความรัก สิ่งนี้ เป็นแรงบันดาลใจ ที่ทำให้ฉันเขียนเพลงนี้ ออกมา ศิลปินเพื่อชีวิตชาวออสเตรเลียกล่าว...

(เปิดเพลง Long Live The King - ศิลปิน Kelly Newton)

ครับท่านผู้ฟังครับ เรามาฟังจากคนวัยหนุ่ม หรือคนรุ่นใหม่ เค้ามีความเข้าใจในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ลึกซึ้งขนาดไหน ลองฟังครับ


ปอต....
"..คุณรู้มั้ย เมือก่อน ผมเคยเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ผมทำงานที่นั่นมา 7 ปี มีเงินเก็บเล็กน้อย ต้องผ่อนรถ ผ่อนบ้าน และใช้หนี้บัตรเครดิตจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อสองปีก่อน บริษัทที่ผมฝากความฝันเอาไว้ ปิดกิจการ ผมยอมทิ้งความฝันในวัยหนุ่ม เปลี่ยนชีวิตจนมาพบกับ ความพอเพียง..."

..สวัสดีครับท่านผู้ฟังทุกๆท่านครับ วันนี้มาพบกับผมนะครับ นายเต้ วายามะครับ ก็ถ้าหากพูดถึงในหลวงของเรา ผมก็นึกถึง พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านนะครับในเรื่องของโครงการพัฒนาต่างๆ สิ่งประดิษฐ์ งานพระราชนิพนธ์ งานด้านดนตรี ปรัชญาและแนวทางในการดำรงชีวิตต่างๆนะครับ โดยเฉพาะในเรื่องของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนะครับ ซึ่งประชาชนหรือว่าหน่วยงานองค์กรต่างๆได้ นำหลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้นะครับในการทำงาน หรือในการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดีนะครับ นอกจากงานนี้ยังได้รับความสนใจจากต่างประเทศ โดยมีนายโคฟี่ อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติได้ทูลเกล้าถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุด ในด้านการพัฒนามนุษย์แด่พระองค์ท่านอีกด้วยนะครับ ท่านผู้ฟังครับ พอมามองถึงเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดก็น่าจะเป็นส่วนของเศรษฐกิจพอเพียงนะครับซึ่งเป็นปรัชญาชี้แนวทางการดำรงอยู่และก็ปฏิบัติตนของประชาชนในทุกๆระดับนะครับ สามารถที่จะเริ่มต้นได้ตั้งแต่ตัวเรา ครอบครัว ชุมชน จนกระทั่งระดับรัฐ ให้ดำเนินไปในทางสายกลาง นำพาชีวิต เศรษฐกิจและสังคม สู่ความสมดุล มั่นคงและยั่งยืนกันต่อไปครับ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนะครับท่านผู้ฟัง เราก็ควรที่จะเข้าใจในส่วนของความหมายและคำนิยามของคำว่า เศรษฐกิจพอเพียง นะครับ ซึ่งประกอบไปด้วย สามห่วงสองเงื่อนไขดังต่อไปนี้นะครับ ห่วงแรกนี่ก็คือ ความพอประมาณ คือความพอดีไม่มากไป ไม่น้อยไป ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ห่วงที่สองก็เป็นความมีเหตุผล คือ การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียง ซึ่ง ต้องคิดอย่างรอบคอบครับ ห่วงที่สามคือ การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว นั่นหมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อม รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้และไกลครับ ส่วนในสองเงื่อนไขนะครับ ก็มี เงื่อนไขแรกนะครับ ความรู้ หมายถึง ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาชีพต่างๆ อย่างรอบด้านสามารถนำมาใช้ในการวางแผนและปฏิบัติตนอย่างระมัดระวังได้ครับ เงื่อนไขที่สองก็คือ คุณธรรม เราจำเป็นที่จะต้องสร้างและเสริมในส่วนของคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต ความอดทน ความหมั่นเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิตต่อไปครับ ท่านผู้ฟังครับ ยังไงลองคิดดูนะครับว่า จะนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตท่านผู้ฟังอย่างไรได้บ้าง ยังไงเรามีพักสักครู่แล้วมาพบกันในช่วงหน้าครับ

(เปิดเพลง)

เป็นยังไงบ้างครับท่านผู้ฟังครับ หวังว่าคงจะถูกอกถูกใจกันนะครับสำหรับผลงานเพลงที่นำมาฝากกันในวันนี้ สำหรับตัวผมเองก็ได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ได้นำมาปรับใช้กับชีวิตของผมนะครับโดย ทำให้ผมรู้จักตัวเอง รู้จักที่จะประมาณค่าใช้จ่ายของตัวเองในแต่ละเดือนนะครับ ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นนะครับ แล้วก็มีเงินเก็บบ้างนะครับท่านผู้ฟัง และอีกอย่างนะครับผมก็มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวเองนะครับ ดีกว่าเดิม โดยการนำสิ่งที่ผิดพลาดหรือว่าผิดความคาดหมายในอดีตนะครับ นำมาวางแผนในเชิงการป้องกันครับ เห็นมั้ยครับท่านผู้ฟังครับในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลยนะครับท่านผู้ฟัง สามารถที่จะเริ่มต้นได้จากตัวเราจริงๆครับ..... และในปีนี้ เป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษานะครับ ยังไงก็ขอเชิญชวนท่านผู้ฟังทุกๆท่านนะครับ ให้ร่วมกันประดับตราสัญลักษณ์เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกๆท่านนะครับ และสุดท้ายนี้นะครับ ก็ขอฝากไว้ด้วยสำหรับความรู้รักสามัคคีแล้วก็นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ไปประยุกต์ใช้นะครับกับชีวิต เพื่อเป็นรากฐานที่ดีกับตนเอง และเพื่อประเทศชาติต่อไปครับ วันนี้ก็ต้องขอลาท่านผู้ฟังไปด้วยเวลาเพียงเท่านี้ สวัสดีครับ..

.เก็บความรู้ เกี่ยวความสุข เอามาฝาก
ให้คนไทย ทั่วทุกภาค ทุกท้องถิ่น
ทั้งพื้นราบ ชายแดน ทุกชีวิน
บนแผ่นดิน ขวานทอง ของผองไทย

ให้ความรู้ ให้อาชีพ ให้ชีวิต
เปลี่ยนวิกฤติ เป็นโอกาส เบิกฟ้าใหม่
สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างกำไร
เพื่อชาติไทย ยั่งยืน ทั้งผืนดิน


คุณสุเวศน์ - ครับที่ท่านฟังจบลงไปนั้น เป็นคนวัยหนุ่มที่ใส่ใจ และเข้าใจหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้ลึกซึ้งจริง และเป็นข้อมูลตรงชัดนะครับ ขอขอบคุณท่านผู้ฟังทุกๆท่าน ที่ติดตามรายการรักพ่อ เป็นรายการที่มิมีการรีรอ เราจะทำเพื่อพ่อของเรา ขอบคุณในน้ำจิตมิตรทั่วไทย ที่ช่วยให้กำลังใจ มิให้เหงา สานสายใย สายสัมพันธ์ ตามเป็นเงา ให้กำลังใจ รายการเรา ตลอดมา

สำหรับในช่วงสุดท้ายของรายการของเรานะครับ ก็อยากจะฝากเป็นข้อคิดปิดท้าย.... พ่อหลวงของเราสอนไว้ว่า รู้คือปัญญา มีความรู้ ความเข้าใจในงานที่จะต้องทำ รักคือ การมีความรัก ความพอใจ ในอันที่จะต้องทำนั้น .. สามัคคีคือ การร่วมกันทำงานด้วยความจริงใจ อย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง อิจฉาริษยากัน ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวกกัน ทำงานนั้นเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมอย่างแท้จริง ไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทน เพื่อเข้าพกเข้าห่อของตน หรือญาติมิตรพรรคพวกของตน...

ขอขอบคุณ ห้องบันทึกเสียงสิงหา จันทบุรี และขอขอบคุณ คุณบอน กาฬสินธุ์ ที่ได้ช่วยหาข้อมูลให้เราได้พูดออกอากาศ รวมไปถึงท่านผู้ฟังทุกท่าน ที่ได้ติดตามรายการมาโดยตลอด ขอให้ท่านมีสุขภาพดี มีเงินใช้ คิดดีมีแต่กำไร สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

(เปิดเพลงปิดท้ายรายการ)

43.14น.

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment