Powered by Blogger.
RSS

ถอดบทวิทยุรายการรักพ่อ ตอน3 เมื่อ๒๓ ก.ย.๒๕๕๘

ถอดบทวิทยุ รายการรักพ่อ ตอนที่สาม ๒๓ ก.ย.๒๕๕๔
เพลงไตเติ้ลเข้ารายการ...

ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป ขอนำท่านผู้ฟังเข้าสู่รายการ รักพ่อ รากยารรักพ่อ เกิดขึ้นจากการรวมตัว ร่วมใจ ของกลุ่มบุคคล ที่มีความรักชาติ หวงแหนแผ่นดิน และ จงรักภักดีต่อพ่อ องค์พระภูมิพล เกิดจากอุดมการณ์ และมุ่งมั่นในอุดมการณ์อย่างแรงกล้า ยึดมั่นในความเป็นธรมของสังคม ยึดความถูกต้องในการก้าวเดิน ในแต่ละย่างก้าว ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ร่วมกิจกรรม พิสูจน์ความตั้งใจ พิสูจน์หัวใจกันมา จนเป็นกลุ่ม รักพ่อภาคปฏิบัติ และเป็นที่มาของรายการ รักพ่อ รักพ่อ รักพ่อ...

สวัสดีครับท่านผู้ฟัง กระผมนายสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ขอนำท่านผู้ฟังเข้าสู่รายการ รักพ่อ ท่านผู้ฟังครับ ถึงวันนี้ เราก็มั่นใจ และขอคาราวะในน้ำใจ อันหาญกล้าของทุกคน ทุกคนที่รักพ่อ ไม่ต้องรอ .. ทุกวันอาทิตย์ 10 นาฬิกา ลานพระบิดา โรงพยาบาลศิริราช เป็นประจำนะครับ .. แนวทางปฏิบัติของกลุ่มรักพ่อ เค้าก็จะมีกิจกรรมร่วมกันทุกวันอาทิตย์ .. รักพ่อไม่ทำ หรือไม่พูดสิ่งใด ที่เป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย จะพูดแต่ในสิ่งที่ดี เป็นสิริมงคลต่อบ้านเมือง เป็นสิริมงคลต่อตัวเอง ต่อสังคม จะไม่ไป สู้รบตบมือกับใครนะครับ เราจะก้าวย่างด้วยการ หามิตร ผูกมิตร และก็คิดดีกับทุกๆคน .. รณรงค์รักพ่อภาคปฏิบัติ ด้านการใส่เสื้อรักในหลวง ทั้งครอบครัว กฌจะมีการส่งภาพแบ่งปัน ก็ขอบคุณนะครับ ภาพน่ารักๆ ครอบครัวมีสมาชิกกี่คน ใส่เสื้อ รักพ่อหลวง น่ารักนะครับ น่ารักมาก ทำให้มองแล้วเกิดความสุข เพราะคนที่มีความรัก กตัญญูต่อพ่อ เป็นคนดีเสมอ ครับ หรือใครไม่รักพ่อ ... ทุกคนรักพ่อครับ .. แล้วก็มีการเผยแพร่แบ่งปัน บทความเทิดพระเกียรติในหลวง อันนี้ ต้องขอบคุณจริงๆนะครับ เราได้ร่วมกันคิดสร้างสรรค์บทความที่น่าสนใจ เรื่องของพระราชกรณียกิจต่างๆที่หลายคนไม่รู้

ผู้ดำเนินรายการเอง เคยทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบทเพลงถึงพ่อหลวง นำพระราชดำรัสต่างๆของพระองค์ท่าน มาเขียนเป็นบทเพลง ตอนนี้ ย่างเข้าอัลบั้มที่ห้านะครับ ก็ได้เรียนรู้ได้ศึกษาพระราชดำรัส พระกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยากจะบอกว่านึกไม่ถึงครับท่านผู้ฟัง ว่าพระองค์จะทรงงานหนักขนาดนี้ ท่านผู้ฟังลองศึกษาดูครับ แล้วท่านจะได้เขียนบทความ อย่างลึกซึ้งเข้าใจ ถึงพระองค์เป็นอย่างยิ่ง เราจะรู้ว่า พ่อรักและห่วงเราขนาดไหนนะครับ สำหรับข้อที่ 4 นะครับ เค้าจะมีการร้องเพลงสรรเสริญในโรงหนัง กิจกรรมตามโอกาส คือ ถ้าเรามีโอกาสได้รวมตัวกัน ร่วมใจคนรักพ่อเนี่ย ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมก็ดี อะไรก็ดี อยากจะร้องเพลงสรรเสริญร่วมกัน ถึงพระองค์ ก็เป็นการดี ผมจะได้เมื่อสมัยหนุ่มเข้าไปดูหนังดูละคร ดูอะไรในโรงหนังเนี่ย เค้าก้จะมีขึ้นเพลงสรรเสริญทุกครั้ง นี่ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดียิ่งนะครับ เออ หรือจะใส่เสื้อรักในหลวงทุกวันศุกร์ ให้ทั่วแผ่นดินไทย ไปที่ไหนก็เห็นคนใส่เสื้อรักพ่อหลวง ก็จะดูอบอุ่น แสดงถึงน้ำจิตน้ำใจ คนมีความกตัญญู ยิ้มแย้มแจ่มใส จะสังเกตว่าคนที่รักในหลวงจะเป็นคนที่มีจิตใจเยือกเย็น ใจดี ใจมีจริยธรรม เพราะพ่อสอนเราอย่างนั้น พ่อไม่ได้ใช่พระราชดำรัสสอน พ่อไม่ได้พูดสอน แต่พ่อปฏิบัติสอน พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีน้ำพระทัยเมตตา เยือกเย็น และก็ มีแต่ให้

กิจกรรมที่ 6 ของเค้า เค้าจะร่วมกิจกรรมปฏิญาณตนต่อในหลวงที่ฌรงพยาบาลศิริราช อันนี้ ยิ่งเป็นที่น่าชื่นใจ เพราะว่า ผมมีความเชื่อว่า คนที่ถ้าไม่มีจิตใจจงรักภักดีจริงๆ ไม่กล้าที่จะมาปฏิญาณหรอกครับ พวกนี้มีจิตใจมั่นคง จงรักภักดีต่อพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือพ่อของเรา ก็จะมากล่าวคำปฏิญาณ ร่วมกิจกรรมปฏิญาณตนต่อในหลวง ที่โรงพยาบาลศิริราช ถือเป็นกิจกรรมของกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ วันเสาร์วันอาทิตย์ทั้งๆที่น่าจะอยู่กับครอบครัว อยู่กับบ้าน พักผ่อน หาความสุข แต่กลุ่มคนรักพ่อภาคปฏิบัติ เค้าก็จะออกไปเที่ยวขัด ไปเที่ยวล้าง ไปเที่ยวถูสิ่งที่มันสกปรก ตามกำแพง ตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ไปช่วยไปปัดไปถูไปช่วยทำความสะอาดสิ่งที่ไม่ดีออกไป คนมือบอนไปเที่ยวเขียนอะไรต่อมิอะไร หยาบๆคายๆ ลามกจกเปรต คนกลุ่มนี้เค้าไม่ว่า เค้าไปล้าง เค้าไปเช็ด เค้าไปถูให้เกิดความสะอาดขึ้น แล้วกิจกรรมที่สองนี่ก็น่าศรัทธายิ่ง เค้าจะมีการสวดถวายพระพร เหมือนกับการถวายคำปฏิญาณต่อพ่อหลวงที่โรงพยายาลศิริราชเช่นกัน อันที่สาม ก็เขียนบทความอีกเช่นกันนะครับ เทิดพระเกียรติ เรื่องราวต่างๆ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า ถ้าเราได้ค้นคว้าเราจะรู้ว่า พ่อนี่ทรงงานหนัก ห่วงพสกสิกร ทำงานสารพัด ที่จะให้ปวงชนชาวไทยทุกคนเนี่ย อยู่อย่างมีความสุขนะครับ อันที่ 4 นี่ ก็มีความร่วมมือในการเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นเวบไซต์อะไรก็ตามที มีช่องทางสื่อสารวิทยุ เอกสารต่างๆ เค้าจะทำครับ แล้วก็จะขอความร่วมมือในการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระองค์ เผยแพร่ตามสถานีวิทยุ ตามเวบไซต์ หรืออาจจะเป็นเอกสาร ที่จะพิมพ์ จะแจกให้คนที่ยังไม่ทราบได้รู้ หลายเรื่องครับท่านผู้ฟัง ซึ่งประจักษ์กับตัวเอง ผมเกิดมาอายุ 50-60 แล้วเนี่ย บางเรื่องผมไม่รู้นะครับ จนกระทั่งไปค้นคว้านำมาเขียนเพลง ค้นคว้าที่จะนำมาเขียนบทความ บทกวี จึงได้รู้ว่าโอ้โหนี่ เราไม่รู้จริงๆว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือพระมหากษัตรย์ของเรา ทรงงานหนักขนาดนี้ ก็อยากจะฝากทุกท่านนะครับช่วยๆกัน มีอะไรที่จะเผยแพร่ เป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้พ่อของเรายิ้มได้ คลายความกังวล คือ จริงๆแล้ว พระองค์ไม่ได้หวังอะไรจากพวกเราที่จะต้องทำให้ท่าน ความสุข ความเกษมสำราญของพระองค์ เพียงเห็นคนไทย รักใคร่สามัคคี ปรองดอง มีความสุข นั่นล่ะ พ่อหลวงของเราจะยิ้มได้ เอ่อ ตอนนี้อยากจะให้ท่าน ได้ฟังเพลงซักเพลง เชิญรับฟังครับ

(เปิดเพลงรักพ่อ - สันติ ลุนเผ่)

การดนตรีนี้ เป็นศิลปะที่สำคัญอย่างหนึ่ง หรือในหมู่ศิลปะทั้งหลาย อาจจะพูดได้ว่า เป็นศิลปะที่สำคัญที่สุด อย่างน้อย สำหรับในจิตใจของศิลปิน นักดนตรี คงจะต้องเป็นเช่นนั้น เพราะว่าการดนตรีนี้ เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ที่ถือได้ว่า เป็นศิลปะที่ทำให้เกิดความปิติ ความภูมิใจ ความดีใจ ความพอใจได้มากที่สุด เพราะว่ามีเหตุผลว่า ศิลปะอย่างอื่น เมื่อปฏิบัติแล้ว หรือเมื่อเป็นศิลปินในศิลปะนั้นๆ จะไม่เกิดความพอใจเท่ากับดนตรี ดนตรีนั้นจะเป็นนักปฏิบัติเพลง คือ นักเล่นเครื่องดนตรีก็ตาม จะเป็นนักแต่งเพลง แต่งทำนอง หรือ คำร้องก็ตาม จะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับดนตรี ในด้านไหนก็ตาม จะได้ความพอใจได้ ... พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันพุธที่ 16 ธันวาคม ปีพุทธศักราช 2524

ท่านผู้ฟังครับ พูดถึงตอนนี้ อยากจะให้ท่านนีกถึงบทเพลงพระราชนิพนธ์ "ชะตาชีวิต"...

เพลงชะตาชีวิตเนี่ย หบายท่านคงจะได้รับฟังแล้วก็ เป็นที่ประทับอกประทับใจ ทำนองโดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นอัจฉริยะทางดนตรี ไพเราะมากสำหรับเพลงนี้ สำหรับคำร้อง พระองค์เจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเพ็ญศิริ ร่วมกับท่าน ดร.ประเสริฐ ณ นคร ประพันธ์ขึ้น เพราะมากครับ เป็นเนื้อหาสาระ เกี่ยวกับธรรมชาติ เกี่ยวกับชีวิตนกตัวหนึ่ง โผผินบินไปไร้คู่ โดดเดี่ยวเดียวดาย ได้ประพันธ์มาได้น่าฟัง อยากจะบอกว่า จะไม่มีใครไม่เคยได้รับฟัง เพราะเพลงนี้ดังมาก ฟังเมื่อไรก็เพราะเมือนั้นนะครับ เพราะเพลง บอกถึงธรรมชาติ บอกถึงความเหงาหงอยเศร้าสร้อย ของนักตัวน้อยๆที่ขาดคู่ เนื้อเพลงก็บอกว่า นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย คิดๆมิวายกังวลให้หม่นฤทัยหมอง ขาดมวลมิตรไร้คนสนิทคู่เคียงคอน หลงไหลหมายปองคนปราณี นี่ก็บอกว่า ซาบซึ้งจริงๆ สัมผัสนอกสัมผัสใน นักเขียนเพลง นักเขียนกวี อ่านแล้วยอมรับทุกขั้นตอน เค้าจะพูดถึงบาปกรรม เป็นการปลง ให้เห็น เพลงนี้มีแต่ให้ ให้ความสุข ให้ข้อคิด ให้เห็นสัจธรรม ให้เห็นธรรมชาติความเป็นจริง มีอยู่ตอนนึง บาปกรรมคงมี จำทนระทม ยอมรับนะครับ เนื้อเพลงบอกว่ายอมรับ.... ท้องฟ้าสายัณตะวันเลือน แสงลับนับวันจะเตือนให้ใจต้องขื่นขม ลองนึกนะครับ เราอยู่คนเดียว แสงกำลังจะมืด ความมืดมันทำให้เราว้าเหว่ วังเวง น่ากลัว เหงาที่สุด ในความมืด แสดงให้เห็นนะครับ.. ท้องฟ้าสายัณต์ตะวันเลือน แสงลับนับวันจะเตือนให้ใจต้องขื่นขม หากเย็นลงฟ้า คงยิ่งมืดยิ่งตรอมตรม ชีวิตระทมเพราะรอมา พูดถึงตรงนี้ นึกถึง เคยได้ทำกิจกรรมให้ตนเอง ผ่านโครงการอะไรก็ดี ทำไปทุกวันก็ยังไม่เห็น เค้าเรียกว่า ทุกวันนี้ เค้าจะใช้คำว่า ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายปล่อง เหมือนกันครับ รอแสงสว่าง แสงจันทร์ จวบจนแจ่มฟ้านภาผ่อง เฝ้ามองให้เดือนชุบวิญญา พอมีแสงขึ้นมาก็ชุ่มชื้นในหัวใจ ได้มีความหวังขึ้น สักวันบุญมาชะตาคงดี เห็นมั้ยครับ ถ้าเราคิดดี ตั้งใจดี รอเถอะครับ จะต้องมีสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตเราแน่ นี่ให้สัจธรรมอย่างมากที่เดียว ... เค้าบอกว่า ดนตรีนี่ให้ความสุข กล่อมโลก จะมีบทกวี บทพระราชนิพนธ์ ของรัชกาลที่ 6 ท่านเขียนไว้ คนที่ไม่มีดนตรีฟังพนตรีไม่เพราะ เรียกว่าบาปของชีวิตนะครับ .. พระองค์ทรงเขียนไว้ว่า ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ เขานั้นเหมาะคิดกบฎอัปลักษณ์ ลืออุบายมุ่งร้ายฉมังนัก มโนหนัก มืดมัวเหมือนราตรี และดวงใจย่อมดำสกปรก ราวนรกเช่นกล่าวมานี่ ไม่ควรใครไว้ในใจโลกนี้ เจ้าจงฟังดนตรีเถิดชื่นใจ ถ้าวันไหนรู้สึกว่าฟังดนตรีไม่เพราะเนี่ย แสดงว่า จิตเราหงุดหงิดที่สุดแล้วนะฮะ ฉะนั้นท่านผู้ฟังครับ ในเมือพูดถึงบทเพลงบทนี้แล้ว ก็อยากจะให้ท่านได้รับฟัง ฟังแล้วก็ช่วยคิดเหมือนผมด้วย ว่ารู้สึกได้อะไรจากเพลงนี้ ช่วงนี้ก็ขออัญเชิญ บทเพลงพระราชนิพนธ์ เชิญรับฟังครับ

ทำงานใหญ่ ต้องใจกว้าง มุ่งสร้างมิตร
เมตตาจิต เป็นที่ตั้ง สร้างกุศล
และรู้จัก ที่จะให้ เกียรติคน
ไม่ทำตน เป็นผู้รู้ อยู่ฝ่ายเดียว

ครับ ก็เป็นบทกลอนเล็กๆน้อยๆ ฝากไปยัง เพื่อนมิตรทุกท่าน ที่กำลังที่จะคิดทำดีเพื่อพ่อทุกคน ก็เป็นเรื่องราวของกลุ่มคนรักพ่อภาคปฏิบัติ ได้แสดงออกมาทางสื่อต่างๆอะไรก็ดี ได้นำมาเล่าให้ฟัง ยกตัวอย่างน้องเฟิร์น เค้าใช้ชื่อเรื่องว่า "ผู้นำที่มีบุญญาบารมี" จะหมายถึงใครก็คงจะรู้นะครับ :) เค้าใช้เวลาเตรียมตัวที่จะเขียนบทความอย่างนี้ถึงสอง-สามวัน ในการอ่านภาษาอังกฤษและก็แปลออกมา พอเห็นว่า บทความ ข้อความเหมาะสมแล้ว ก็จัดการลงเวบไซต์ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2554 นี่เอง ก่อนที่จะไปทำงาน ก็จัดการลงเวบไซต์เรียบร้อย .. ทั้งๆที่การที่จะไปทำงาน จะต้องนั่งรถต่อถึงสองต่อทีเดียว คือจากบ้านพักที่นนทบุรี ก็ไปขึ้นรถเมล์แล้วก็ไปต่อรถไฟฟ้า ก่อนที่จะถึงที่ทำงานที่กรุงเทพนะครับ นี่คือ เป็นคนที่มีจิตใจมุ่งมั่น คิดดี อยากจะหาคำดีๆ มาบอกกับพี่กับน้อง ต่อพวกพ้องที่ทำงานและที่มีหัวใจตรงกัน .. สำหรับอีกท่านหนึ่ง คนนี้ ที่มีหัวใจแบ่งปัน รู้อะไรก็อยากจะแบ่งปัน มีอะไนก็อยากจะแบ่งปัน เขาชื่อคุณเต่า เขามีอะไรแบ่งปันรู้มั้ยครับท่านผู้ฟัง เขามีวิชาความรู้ในเรื่องการเขียนเวบไซต์ หลายท่านอยากจะเขียนให้เป็น คิดจะไปรบกวนคนอื่น คนอืนเค้าก็ลำบาก เค้าก็จะมีวิธีแบ่งปันด้วยความรู้เทคนิค วิธีการทำเวบไซต์ให้น่าสนใจ คือเรื่องยากๆ คุณเต่าแกทำให้มันง่าย พอเห็นแล้วมันทำได้ ลักษณะเป็นการแบ่งปันให้ความรู้ ให้ความมั่นใจในการที่จะทำเวบไซต์ อยากจะสือสารอะไรก็สบายใจขึ้น ทำด้วยมือตนเอง จะสะดวกสบายขึ้น นี่ก็คือ เป็นคนที่แบ่งปัน .... ท่านที่สามครับ ในกลุ่มเดียวกันเขาก็เรียก พี่แหม่ม พี่แหม่ม ลักษณะเป็นพี่ใหญ่ พี่เลี้ยง คุณสมบัติของคุณแหม่ม แกจะเป็นคนดูแลพี่น้อง เชื่อมประสานให้กำลังใจ ให้สติ ทำตัวเป็นพี่เลี้ยงให้แนวทางในการทีจะอยู่ร่วมกัน การพูดการคุยต้องเปิดใจให้กันและกัน อะไรทำนองนี้ คุณแหม่ม แกจะทำหน้าที่ตรงนี้ ทุกองค์กร ทุกกลุ่มทุกสังคม ต้องมีคนอย่างคุณแหม่มนะครับ มิฉะนั้นแล้วจะไม่มีคนที่จะคอยประคอง หลายชีวิตหลายความคิด ต่างจิตใจก็จะมีความคิดที่ไม่ตรงกัน ไม่ได้ จะต้องมีคิดไม่ตรงกันมั่ง แต่เราจะต้องหาบทสรุป คุณแหม่มบอกอย่างงั้น ให้เคารพความคิดซึ่งกันและกัน ทั้งๆที่คุณแหม่มไม่ค่อยมีเวลานะครับ หน้าที่การงานเค้ามีเยอะ แต่ก็ยังแบ่งปันเวลามาทุ่มเทให้กับกลุ่ม ให้ได้เคลื่อนไปอย่างมีประสิทธิภาพ รักใคร่ปรองดอง พลิกปัญหาให้เกิดโอกาส ก็ต้องขอขอบคุณคุณแหม่มจริงๆเลยเรื่องนี้.... อีกคนหนึ่งครับ เค้าบอกว่า เค้ามีโจทย์ที่ว่า ทำไมคนกลุ่มนี้จึงรักในหลวง เค้าชื่อ น้องขวัญวีวี่ ชื่อก็เพราะนะ เค้าเล่าให้ฟังว่า ตอนที่เค้าเป็นเด็ก บ้านอยู่ในชมบท สมัยนั้นที่บ้านก็มีทีวีเครื่องเดียว เป็นทีวีขาวดำด้วย เค้าก็จะชอบดูการ์ตูน เป็นเด็กก็ชอบดูการ์ตูนครับ แต่น้องวีวี่ดีนะ เด็กเดี๋ยวนี้ไม่ได้ เค้าจะร้องจะดูการ์ตูนเดี๋ยวนี้มันมีหลายช่องเลือกได้ น้องวีวี่นี่มีการ รอ รอดู การรอดูการ์ตูนก็ต้องดูข่าวไปด้วย ก็พอดีช่วงข่าวในพระราชสำนัก ก็จะรอดูการ์ตูนหลังข่าว ดูข่าวไปด้วย ข่าวในพระราชสำนักก็ดูทุกวันก็เริ่มซึมซับ ซึมซับเข้าไป เค้าก็จะรู้จักในหลวง เค้าก็จะรู้... โอ การดูข่าวในพระราชสำนัก ทำให้เค้าได้ซึมซับ เรื่องราวต่างๆของในหลวง รู้ว่าในหลวงทรงงานหนัก รักพสกนิกร ห่วงใยลูก เค้าจึงได้นำเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ซึมซับตั้งแต่เด็ก สามารถนำมาเล่าสู่ท่านผู้ฟังได้ นำมาเล่าสู่เพื่อนฝูงและคนในกลุ่มได้ นี่ละครับเป็นผลงานของน้องวีวี่ ที่ทำให้เราประทับใจ อีกท่านหนึ่งครับ .... คุณเบญจพร กาญจนาภรณ์ เค้าก็มีโจทย์เหมือนกัน ถามว่าทำไม ทำไมจึงรักพระเจ้าอยู่หัว ทีแรกก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน พอได้เห็นพ่อทรงงานหนักมาก่อน พ่อสอนทุกสิ่งทุกอย่าง ให้เราทำงาน ให้เรารู้จักประหยัด ให้เราทำการเกษตรก็ดี การดำรงชีวิตก็ดี พ่อสอนโดยพ่อกระทำให้เห็น แต่เค้าประทับใจ เค้ามองอะไรที่ลึกซึ้ง สำหรับคุณเบญจพร กาญจนาภรณ์ เค้าบอกว่า พ่อสอนทุกอย่าง แต่ไม่เคยสอนให้บอกว่ารักพ่อ เรารักพ่อด้วยจิตศรัทธา ด้วยจิตที่ลึกซึ้งในน้ำพระทัยของพระองค์ ทุกคนรักพ่อ ครับเช่นนั้น ฉะนั้น พ่อไม่ต้องบอกว่า ให้รักพ่อ เราทุกคนก้รักพ่อนะครับ ...

ครับอีกท่านหนึ่งนะครับ เค้าชื่อน้องเจี๊ยบ คงจะต้องขอนำ บทความของคุณเจี๊ยบ เขียนจากใจอีกท่านหนึ่ง เค้าชื่อเจี๊ยบ เจ้าของเวบไซต์แผ่นดินของเรา คุณเจี๊ยบนี่จะเป็นคนที่มีความตั้งอกตั้งใจเขียน เขียนจากใจ หาข้อมูล สามารถเขียนแสดงความคิดเห็น เป็นคนที่เขียนดี อ่านแล้วได้ความรู้สึก ขอนำบทความย่อๆสักตอนนึง ให้ฟังละกัน เค้าเขียนว่า ...คงไม่เกินไปใช่มั้ย ถ้าประชาชนผู้รักในหลวงทั้งหลายทั้งปวง จะทำอะไรบ้างเพื่อตอบแทนพระองค์ มากกว่าจะพูดว่าเรารักในหลวงอย่างเดียว.. ซึ้งนะครับ แล้วอีกคนนะครับเค้าชื่อว่า น้องเมย์ เป็นคนที่มีความตั้งใจ จิดใจมุ่งมั่นสูงมากๆ จึงมีบทความออกมาทางเวบไซต์มากมาย เค้าใช้เวบไซต์ว่า ภูมิแผ่นดินนวมินทร์มหาราชา นี่ก็จะเขียนออกมาเยอะ อ่านแล้วประทับอกประทับใจ ถือว่าเป็นสองนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ก็ว่าได้ ฉะนั้น ต้องขอชื่นชมจริงๆ และก็เขียนต่อไปนะครับ เพื่อจะเผยแพร่ พระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา.. ท่านผู้ฟังครับ ช่วงนี้เรามาหยุดพัก ฟังเพลงกันซักเพลงนึง ในเพลง สำนึกคุณแผ่นดิน เชิญรับฟังครับ

(เปิดเพลงสำนึกคุณแผ่นดิน - ศิลปิน ไก่ แมลงสาบ)

ครับ บทเพลงสำนึกคุณแผ่นดิน ก็จบลงไป เนื้อหาสาระก็เป็นที่รุ้กันนะครับ ก็ต้องรู้จักคุณแผ่นดิน ครับ อย่าทำลยแผ่นดิน... เรื่อวราวที่จะเล่าให้ฟัง ต่อจากนี้นะครับ เป็นเรื่องราวของคนที่มีอุดมการณ์ ได้เข้าเฝ้าพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจนกระทั่งซาบซึ้งใจ และมาเขียนบทความที่ชื่อว่า พระเจ้าแผ่นดินของเรา ..ได้เป็นส่วนหนึ่งของพสกนิกรที่มาเข้าเฝ้าในหลวงอย่างเนืองแน่น ในงานฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และนี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตของผู้เขียน ที่ออกมาเพื่อขอชื่นชมพระบารมี ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยความที่ประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จกันมากมาย อย่างสุดลูกหูลูกตา เกือบทำให้ผู้เขียนรู้สึกถอดใจที่จะเดินเข้าไปแถวหน้า ของกลุ่มผู้รับเสด็จด้วยความเพียรพยายามของคุณแม่และผู้เขียนเอง จึงสามารถเข้าไปอยู่บริเวณแถวหน้า ได้สมความตั้งใจ อย่างไรก็ดี แม่ลูกทั้งสองก็ไม่อาจไปถึงแถวหน้าสุดได้ เมื่อพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี ทรงเสด็จออกมาให้ประชาชนได้ชื่นชม แม้จะมองเห็นได้ แต่ก็ยังถือว่าไกล และแม้ว่าพวกเราเตรียมตัวมาดี มีกล้องส่องทางไกล แต่ก็ยังเห็นไม่ค่อยชัด ณ ห้วงเวลาที่ได้เห็นองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ผู้เขียนได้พูดกับคุณแม่ ด้วยเสียงสั่นเครือ ด้วยความตื้นตันว่า เห็นมั้ย พระเจ้าแผ่นดินของเรา ซึ่งก็บอกไม่ได้ ทำไมน้ำตาจึงคลอ น้ำเสียงจึงสั่น ผู้เขียนยังรู้สึกอีกว่า ช่างเป็นบุญเหลิอเกิน ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้มาเข้าเฝ้า รับเสด็จในหลวง ผู้เขียนเชื่อว่า หากผู้อ่านได้มีโอกาส ได้เข้าเฝ้าพระองค์อยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าคำใดก็ตามที่เราได้ใช้ ขนานนามพระองค์ท่าน เมื่อได้นึกถึงที่ได้เห็นพระองค์ท่านแล้ว ช่างรู้สึกกินใจจริงๆ ... ที่จบไป ก็เป็นเรื่องเล่าของน้องเฟิร์น ... และอีกท่านหนึ่ง ก็เป็นเรื่องราวของคนที่มีโอกาสของน้องโอ๋ ซึ่งเป็นบทความ "ความทรงจำที่สำคัญที่สุดในชีวิต" ตั้งแต่วัยเด็ก ผู้เขียนได้เห็นรูปของในหลวง ติดอยู่ที่บ้าน โรงเรียน ตามสถานที่ต่างๆ ในโทรทัศน์ บนปฏิทิน บนธนบัตร บนเหรียญกษาปณ์ และได้เห็นพระกรณียกิจของพระองค์ ที่ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ทุกวันและอื่นๆ รวมถึงภาพรับพระราชทานปริญญาบัตรของแม่ ผู้เขียนรู้สึกได้ถึงความรัก ความเทิดทูนของคนไทย ที่มีต่อพระองค์ท่านอย่างยิ่ง ทืให้ผู้เขียนมีความคิดว่า ถ้าวันหนึ่ง ภายในภาคหน้า ขอได้มีโอกาสสักครั้ง ที่จะได้เข้าเฝ้าพระองค์เหมือนอย่างแม่บ้าง ยี่สิบปีผ่านไป วันนั้น ก็มาถึง เป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งในชีวิต ผู้เขียนจดจำไม่มีวันลืม ผู้เขียนได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จากพระหัตถ์ของพระองค์ โดยปกติแล้ว การรับพระราชทานปริญญาบัตรนั้น จะห้ามไม่ให้บัณฑิต เงยหน้าขึ้น มองพระพักตร์ แต่ความที่ผู้เขียนเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์ แต่ความที่ผู้เขียน ตื่นเเต้น และนี่คงเป็น โอกาสเดียวที่จะได้เห็นพระองค์ ในระยะใกล้มากขนาดนี้ ผู้เขียนได้แอบเงยหน้าขึ้น มองพระพักตร์ของพระองค์ ไม่รู้ว่า คิดเข้าข้างตัวเองหรือเปล่า ว่าได้เห็นพระองค์แย้มพระสรวลให้ วินาทีนั้น แม้วะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียงเสี้ยววินาที แต่ผู้เขียนไม่เคยลืมเลือนเลย จำภาพนั้นได้อย่างชัดเจน เป็นความรู้สึกตื่นเต้น ตื้นตัน ปลาบปลื้ม และภาคภูมิใจอย่างที่สุด ผู้เขียนขอปฏิญาณตนว่า จะปฏิบัติตนเป็นคนดี และจะเทิดทูนพระองค์ พระภูมิพลมหาราชตลอดไป... ทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยพระหม่อมขอเดชะ

(เปิดเพลงเรือนแพทะเลแก้ว - ศิลปิน สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ - ไก่ แมลงสาบ)


ออ อีกท่านนึงครับ คุณกร เขียนเรื่องในหลวงภูมิพล กับดอกไม้จากใจ เอ่อ ก่อนที่จะอ่านบทความของคุณกร ก็อยากจะอ่านบทกวีให้ฟัง สักบทหนึ่งนะครับ

สายสัมพันธ์ระหว่างฟ้ากับดิน ณ ท้องถิ่นนครพนมแดนอีสาน
13 พ.ย.2498 แม้เนิ่นนาน เป็นภาพที่คนไทยนั้นประทับใจ
ทรงเสด็จบำเพ็ญพระราชกุศล วัดนครพนมทรงเลื่อมใส

ม่เฒ่าตุ้มเดินทางและตั้งใจ หวังชิดใกล้ ชื่นชมบารมี
แม้แสงแดดจะแผดร้อนเพียงใด แม่เฒ่าตุ้มไม่ถอดใจ ไม่หนี
ประคองดอกบัวสามดอกไว้อย่างดี จนดอกบัวสามดอกนี้เหี่ยวแห้งไป
ยังคงถือกระชับรอรับเสด็จ แม่เฒ่าใจเพชรไม่ท้อทนรอได้
102 ปีของชีวิตที่ผ่านไป ยังแข็งแกร่งด้วยหัวใจเปี่ยมศรัทธา

ะองค์เสด็จถึงวัดนครพนม พสกนิกรชื่นชมกันทั่วหน้า
สายพระเนตรทรงจับจ้องหญิงชรา พระเมตตามิทรงถือพระวรกาย
พระทรงย่อพระวรกายใกล้แม่เฒ่า ยื่นพระหัตถ์ลูบเบาๆ กระซิบให้
แต่มิรู้พระองค์ทรงตรัสอะไร แม่เฒ่าตุ้ม สุดปลื้มใจ แสนประมาณ
หลังจากเสด็จกลับพระราชวัง พระทรงสร้างปูนหล่อรูปมาตรฐาน
แล้วส่งให้แม่เฒ่าตุ้มเป็นรางวัล เป็นภาพที่พระองค์ท่านทรงติดดิน
แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ มีกำลังใจ จนอยู่ได้อีกสามปี จึงสิ้น
สายสัมพันธ์ระหว่างฟ้ากับดิน ทุกท้องถิ่นพระองค์ทรงห่วงใย

..ครับก็มาถึงบทความที่คุณกรได้เขียนไว้ เรื่อง "ในหลวงภูมิพลกับดอกไม้จากใจ " .. เป็นเรื่องเดียวกันครับ
.. สำหรับผม ในฐานะผู้ถ่ายทอดเรื่องราวแล้ว ภาพนี้ถือเป็นภาพที่สื่อได้ดีที่สุด ถึงความผูกพันของพระเจ้าแผ่นดินและข้าแผ่นดิน ที่ถ่ายทอดออกมาโดย ไม่ต้องเสแสร้ง ซื่อและงดงาม แม้ผู้ที่ไม่ใช่คนไทย หากรู้ว่าบุคคลทั้งสองเป็นใคร ก็ย่อมซาบซึ้งครับ ในหลวงทรงโน้มพระวรกายลงมา จนเกือบจรดกับใบหน้าของยาย เพื่อปฏิสันถารกับยาย เป็นการส่วนพระองค์ ดอกบัวเฉาๆนั้น หาราคาค่างวด ก็คงไม่ได้ แต่ค่าของจิตใจและความผูกพัน ระหว่างคนสองชนชั้น ก็คงประมาณเป็นราคาไม่ได้เช่นกัน ท่านผู้ฟังครับทั้งหมดที่เล่ามา เป็นกิจกรรมที่แต่ละคนได้แสดงออก ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ทั้งภาคปฏิบัติและเขียนบทความ และให้ความช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน หลายท่านอาจยังไม่มีเวบไซต์ หรือไม่มีเวลาเข้าอินเตอร์เนต ก็สามารถติดตามรับฟัง เรื่องราวต่างๆ จากรายการภาคปฏิบัตินี้ได้ ในวันเวลาเดียวกันนี้ เป็นประจำทุกสัปดาห์

ต้องขอขอบคุณห้องบันทึกเสียงสิงหา จ.จันทบุรี ที่ให้ความอนุเคราะห์ ในการบันทึกเสียง และขอขอบคุณกลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ ที่ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อพ่อหลวงของเรา เราต้องร่วมกันประสานใจ คือ รวมพลังสร้างชุมชน เราทุกคนร่วมประสาน มีสุขมีทุกข์เราช่วยกัน สร้างความสัมพันธ์ด้วยศรัทธา นี่คือ สัญญาด้วยใจ...

ท่านผู้ฟังครับ รายการักพ่อภาคปฏิบัติ ต้องขอขอบคุณท่านผู้ฟัง ที่ติดตามรายการรักพ่อภาคปฏิบัติมาเป็นประจำ รายการของเราได้ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายของรายการ ขอให้ท่านผู้ฟัง สุขภาพดี มีเงินใช้ คิดดีมีแต่กำไร สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

เปิดเพลง We Love the King - ไก่ แมลงสาบ
เพลงสู่ครัวโลก

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment